สุราษฎร์ธานี - ชาวประมงพื้นบ้าน จ. สุราษฎร์ธานี ออกเรือหาปลาพบ “อำพันทะเล” หรือ “อ้วกวาฬ” น้ำหนักเกือบ 30 กิโลกรัม ลอยเกยตื้นริมหาด ส่งตรวจพิสูจน์ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ยืนยันเป็นของแท้ เตรียมประกาศขาย
วันนี้ (27 ก.ย.) พบอีก "อำพันทะเล” หรือ “อ้วกวาฬ” ครั้งนี้เป็นชาวประมงพื้นบ้าน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบลอยเกยตื้นริมหาด บริเวณหาดนิยม ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี ทราบชื่อคือ นายณรงค์ เพชรราช หรือ นายแมว อยู่บ้านเลขที่ 35/6 ม.3 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ. สุราษฎร์ธานี โดยอำพันทะเล หรือ อ้วกวาฬ ดังกล่าว ทางเจ้าของ ห่อผ้าขนหนูและใส่ลังเก็บไว้เป็นอย่างดี เมื่อแกะออกดูพบว่า ลักษณะของก้อนอ้วกวาฬ เป็นก้อนไร้รูปทรง ด้านหนึ่งเป็นรูโพรงอากาศ มีเม็ดคล้ายๆ ทราย ส่วนอีกด้านเป็นผิวมันเรียบ ชั่งน้ำหนักประมาณได้ เกือบ 30 กิโลกรัม เมื่อนำมาลนไฟปรากฎว่าละลายเป็นน้ำ
นายณรงค์ เพชรราช กล่าวว่า หลังพบอ้วกวาฬ ตนจึงได้ปรึกษากับภรรยาและทีมงานว่าเป็นอ้วกวาฬของจริงหรือไม่ และได้ส่งให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(ม.อ) วิทยาเขตหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตรวจพิสูจน์ดู หลังจากนั้น ผลพิสูจน์ก็ออกมาว่าเป็นอ้วกวาฬ ของจริง ตนก็ดีใจตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกและอยากจะประกาศขายเพราะว่าตนได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นของแท้ได้รับหนังสือรับรองมาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เรียบร้อย
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า ตนมีอาชีพเป็นชาวประมงออกเรือหาปลาไปทั่ว ขณะกำลังจะกลับเข้าฝั่ง เห็นมีวัตถุสีครีม ลอยอยู่บริเวณริมหาด จึงรีบเข้าไปดู พบว่าเป็นอ้วกวาฬ เหมือนที่เป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เก็บขึ้นมาไว้บนขนำของตนบริเวณหาดก่อน เมื่อเสร็จงานก็นำกลับบ้าน และบอกกับภรรยาและเพื่อนบ้านญาติพี่น้อง เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านที่นี่บางคนก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นหรือได้สัมผัสอ้วกวาฬของจริง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นดีใจ และเตรียมประกาศขาย อ๊วกวาฬ "อัมพันทะเล"ถ้ามีไครสนใจและอยากจะแบ่งปันซื้อขายก็ติดต่อได้ที่ คุณแมว
สำหรับ "อ้วกวาฬ เป็นผลผลิตจากการสำรอก หรือการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม (วาฬหัวทุย) เท่านั้น กระบวนการที่ก่อให้เกิด คือ การกินหมึกที่เป็นอาหารหลักเข้าไป จนเกิดการสะสมของคอเลสเตอรอลในลำไส้ปลาวาฬ ก้อนไขมันชนิดนี้ประกอบด้วยคอเลสเตอรอลและไขมัน ร้อยละ 80 รวมถึงสารเบนโซอิก และแอลกอฮอล์
เมื่ออ้วกวาฬถูกขับออกมาจากท้องของวาฬในตอนแรกนั้นจะมีกลิ่นคาวและกลิ่นมูลสัตว์ ซึ่งเหม็นสุดๆ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งก็จะมีกลิ่นหอมมาก และด้วยความที่อ้วกวาฬเป็นของหายาก ราคาแพง ที่ใช้เป็นวัตถุดิบหัวน้ำหอม ทำให้มีราคาแสนแพง จนถูกขนานนามว่าเป็นทองลอยได้แห่งท้องทะเล จึงทำให้เกิดการเสาะหาของนักแสวงโชคและกลุ่มชาวประมง สามารถพบได้ตามชายหาด หรือกลางทะเล ซึ่งในอดีตมีการออกล่าวาฬสเปิร์ม เพื่อผ่าเอาไขมันชนิดนี้มาแล้ว ก่อนจะยุติจากกฎหมายคุ้มครองวาฬ"
