พัทลุง - ยิ่งค้นยิ่งเจอ! หลักฐานการขโมย “รังนกอีแอ่น” จ.พัทลุง ในช่วงเจ้าหน้าที่ลงเฝ้าเกาะ ตัวแทนบริษัทสยามเนสท์ฯ ระบุความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ด้าน ส.ส.ประชาธิปัตย์ จี้มหาดไทย-กระทรวงทรัพย์เร่งตั้งกรรมการสอบ
จากกรณีที่บริษัท สยามเนสท์ 2022 จำกัด ได้ชนะการประมูลการสัมปทานรังนกในครั้งที่ 9 ในราคา 400 ล้านบาท แต่หลังจากที่ทางบริษัทฯ ร่วมกับคณะทำงานของคณะกรรมการรังนกลงพื้นที่เก็บรังนกภายในถ้ำต่างๆ กลับพบว่ามีร่องรอยของการขโมยรังนก เช่น กองขยะ พบเชือกขนาดต่างๆ การก่อไฟสุมไล่นก พบเสื้อผ้าคนร้าย และอื่นๆ ในขณะที่รังนกถูกขโมยแทบเกลี้ยงถ้ำ ด้านนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ออกมาชี้แจงต่อประชาชนในเรื่องของความเสียหายดังกล่าว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด จากการที่คนงานลงเก็บรังนกในวันที่ 14 กันยายน 2564 ภายในถ้ำต่างๆ ของเกาะรูซิ้ม พบว่า มีกองขยะ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก ส่วนในถ้ำลื่น พบการก่อไฟไล่ฝูงนกเช่นเดียวกับถ้ำอื่นๆ ขณะที่ตรงปากถ้ำรังนกใกล้ถ้ำลื่นบนเกาะรูซิ้ม คนงานที่จัดเก็บรังนกยังพบเสื้อชูชีพที่เป็นของ อส.จ.พัทลุง จำนวน 1 ตัว ตรงปากถ้ำในจุดที่คนร้ายรอขึ้นเรือที่มีการแอบไว้ใกล้โขดหินที่ปากถ้ำ คนงานจึงได้เก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
วานนี้ (14 ก.ย.) ถ้ำลื่น และถ้ำทุ่งเตี้ยใหญ่ที่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ คนงานได้ยุติการเก็บ เนื่องจากไม่มีรังนกเหลือให้เก็บแล้ว ทั้งที่ทั้ง 2 ถ้ำนั้นปกติคนงานต้องใช้เวลาเก็บไม่ต่ำกว่า 5 วัน แต่รอบนี้กลับเก็บได้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ส่วนการเก็บตามถ้ำเล็กบนเกาะรูซิ้ม ของคนงาน จำนวน 6 ถ้ำ พบว่ามีรังนกอยู่ในถ้ำเพียงน้อยนิด และพบอุปกรณ์ในการเก็บรังนกวางอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนการจัดเก็บรังนกในวันที่ 4 ในหลายๆ ถ้ำ จัดเก็บรังนกขาวได้เพียง 7.12 กิโลกรัม เก็บรังนกดำได้ 51.00 กิโลกรัมเท่านั้น
ขณะที่ตัวแทนบริษัทฯ เปิดเผยว่า พฤติกรรมของขบวนการขโมยรังนกใน จ.พัทลุง นับว่าโหดเหี้ยมมาก การที่จุดกองไฟใช้ควันไล่แม่นก เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฟักไข่ ทำให้ลูกนกต้องตายไปจำนวนมาก ประมาณการจากรังนกที่มีอยู่ในถ้ำช่วงที่รับมอบเกาะคืนจากผู้รับสัมปทาน ทั้ง 7 ถ้ำที่ถูกขโมยมีรังนกประมาณ 500,000-600,000 รัง ปกติจะมีลูกนกที่ฟักตัวแล้วในรังๆ ละ 2 ฟอง หรือ 2 ตัว เท่ากับการขโมยครั้งนี้ทำลายลูกน้อยไปนับล้านตัว จึงเป็นเรื่องที่น่าสลดใจเป็นอย่างมาก การที่ลูกนกตายเท่ากับการตัดวงจรชีวิตนกไป 1 ปี นก 1 ตัวภายใน 7 ปี สามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งลูกนกที่ตายไป 1 ล้านกว่าตัว เท่ากับการเข้าไปขโมยรอบนี้สร้างความเสียหายทั้งระบบไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า ตนขอเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้เร่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องเลวร้ายดังกล่าว เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบ ผู้กระทำความผิดที่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่มาลงโทษอย่างเฉียบขาด เนื่องจากการเฝ้ารังนกนั้นมีเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมาก ใช้เงินมากกว่า 4.5 ล้านบาท แต่กลับไม่สามารถดูแลรักษา และยับยั้งการขโมยรังนกได้ โดยเฉพาะการสุมไฟในถ้ำรังนกนั้น นับเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในถ้ำรังนกของประเทศไทย เพราะจะทำให้ฝูงนกล้มตาย หนีออกจากรัง และต้องใช้เวลา 2-3 ปีที่นกจะบินกลับมา ในขณะที่ลูกนกจะล้มตายหลายแสนตัว เรื่องที่เกิดขึ้นทางกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องร่วมกันนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ และเห็นด้วยหากทางบริษัทฯ จะฟ้องร้องเอาผิดกับผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวนี้ และยินดีที่จะให้การสนับสนุนทุกแนวทาง ทั้งนี้ เพื่อมิให้เรื่องเลวร้ายดังกล่าวเกิดขึ้นอีกต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส. และเจ้าหน้าที่ อบจ.พัทลุงเกือบ 100 นาย โดยมีปลัดจังหวัด ป้องกันจังหวัด นายอำเภอปากพะยูน ผู้กำกับ สภ.เกาะนางคำ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ที่ 6 สงขลา หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง ได้ใช้สำนักงานหน้าถ้ำเทวดา เพื่อเป็นกองบัญชาการรักษาความปลอดภัยในการดูแลเกาะรังนก โดยที่ศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ประจำการทุกวันไม่ต่ำกว่า 20 คน แต่เป็นที่น่าสงสัยอีกว่า บริเวณถ้ำเนียงเคย ที่ติดกับสำนักงาน รังนกที่มีอยู่เต็มถ้ำก่อนวันส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ดูแล แต่หลังจากเจ้าหน้าที่ดูแลกลับหายเกลี้ยงเหมือนกับถ้ำอื่นๆ เช่นกัน
