ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เปิดอาชีพนักล่า “ต้นสาคู” นำไปส่งขายทำเป็นแป้งสาคูแท้ๆ รับซื้อจากชาวสวนต้นละ 400 บาท นำไปส่งขายต้นละ 1,500-1,600 บาท พร้อมแนะเทคนิควิธีสังเกตต้นสาคูที่มีเนื้อแป้งคุณภาพ ต้องเลือกต้นที่แทงยอดออกมาเป็นงาช้าง หรือต้นที่มีดอกจะได้แป้งสาคู 100 เปอร์เซ็นต์
ที่ จ.สงขลา ผู้สื่อข่าวพาไปดูอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ แม้จะเหนื่อยและหนัก แต่สามารถทำเงินได้อย่างงาม นั่นคืออาชีพนักล่าหรือนักหา “ต้นสาคู” เพื่อตัดเอาไปขายทำเป็นแป้งสาคูแท้ๆ ที่นำไปใช้ทำขนมหวาน เช่น สาคูเปียกน้ำกะทิ หรือว่าเอาไปทำขนมครองแครง และขนมอื่นๆ ที่ใช้แป้งสาคูเป็นส่วนประกอบ โดยต้นหนึ่งจะขายได้ประมาณ 1,500-1,600 บาท
หนึ่งในผู้ที่ทำอาชีพนี้คือ บังเหล๊าะ ชาว อ.ละงู จ.สตูล ที่ตระเวนหาต้นสาคูส่งขายให้กลุ่มผลิตแป้งสาคู ที่บ้านหนองโต๊ะปาน ต.พนมวังก์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแป้งสาคูจากต้นสาคูแท้ๆ ที่เหลืออยู่ และอาจจะเป็นแห่งเดียวของภาคใต้ หรือในประเทศไทยเลยก็ว่าได้
บังเหล๊าะ บอกว่า วิธีการสังเกตต้นสาคูที่มีเนื้อแป้งสาคูคุณภาพดี และมีแป้งสาคู 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องเลือกต้นที่แทงยอดออกมาลักษณะเหมือนงาช้าง หรือต้นที่มีดอก ถ้าต้นไหนเป็นลูกแล้วปริมาณแป้งจะน้อยมีไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือถ้าจะให้ชัวร์ว่าต้นสาคูต้นไหนมีแป้งที่ได้คุณภาพจะใช้วิธีชิมดู หากมีรสฝาดกับมันถือว่าใช้ได้ แต่ถ้ามีรสหวานแสดงว่าคุณภาพแป้งไม่ดี เมื่อได้ต้นที่ต้องการแล้วจะใช้เลื่อยยนต์โค่นลงมาแล้วตัดเป็นท่อน โดย 1 ต้นจะได้ประมาณ 15-20 ท่อน รับซื้อจากชาวสวนต้นละ 400 บาท และนำไปขายต้นละ 1,500-1,600 บาท
แม้จะได้ราคาสูง แต่เป็นงานที่ทั้งหนักและเหนื่อย และตอนนี้ต้นสาคูค่อนข้างหายาก ต้องตระเวนหาไปตามหมู่บ้านที่ยังพอมีป่าสาคูหลงเหลืออยู่ บางวันหาต้นสาคูตัดได้ 3-4 ต้น แต่ไม่ได้มีทุกวัน และขึ้นอยู่กับการสั่งซื้อของกลุ่มที่ผลิตแป้งสาคูด้วย
บังเหล๊าะ บอกด้วยว่า ต้นสาคู 1 ต้นจะได้แป้งสาคูประมาณ 100-200 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับความใหญ่ และความสูงของต้น แต่เมื่อนำไปบดเป็นแป้งแล้วใน 100 กิโลกรัม จะเหลือแป้งสาคูจริงๆ อยู่ประมาณ 70 กิโลกรัมเท่านั้น เมื่อผ่านกระบวนการผลิตเป็นสาคูแล้ว จะขายกันกิโลกรัมละ 130 บาท พร้อมนำไปทำเป็นขนม เช่น สาคูน้ำกะทิหรือขนมอื่นๆ ที่ใช้แป้งสาคูเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะหวาน มัน แตกต่างจากแป้งมันที่นำมาทำเป็นแป้งสาคู
