นราธิวาส - ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจติดตามการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์นรา 46484 ป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาส สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน
วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์นรา 46484 ควบคุมพื้นที่ป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาส ที่กองร้อยทหารพรานที่ 4814 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ภายใต้การขับเคลื่อนตามแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2564 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ยังคงดำรงความมุ่งหมายในการก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง มีการรวมกำลัง หลบซ่อน/พักพิงในพื้นที่ Support site พื้นที่ป่าภูเขา ตามแนวชายแดน และป่าพรุแนวลำน้ำ โดยมีความพยายามในการลักลอบนำอาวุธ และวัตถุระเบิดแสวงเครื่องเข้ามาตามช่องทางต่างๆ ตามแนวชายแดน เพื่อเข้ามาก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อแสดงตัวตน และทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ ทางหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส จึงได้จัดกำลังปฏิบัติตามแผนเชิงรุก 3 แผนหลัก ได้แก่ (1) แผนยุทธการ 46241 ควบคุมพื้นที่รอบเขาตะเว และหมู่บ้านเชิงเขา (2) แผนสกัดกั้นชายแดน และ (3) แผนพิทักษ์นรา 46484 การปฏิบัติเชิงรุกควบคุมพื้นที่ และเส้นทางการสับเปลี่ยนกำลัง
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้สั่งการปฏิบัติเชิงรุก วางแผน อำนวยการ ควบคุมบังคับบัญชา ติดตามและกำกับดูแลการควบคุมพื้นที่รับผิดชอบ โดยการใช้ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ (ชป.จรยุทธ์) ลาดตระเวนแสดงกำลัง เข้าพบปะกดดันบุคคลเป้าหมาย และกลุ่มเครือญาติ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในหมู่บ้าน Support site ทำการตั้งจุดตรวจด่านตรวจทางยุทธวิธี (pop-up) เส้นทางหลักรอง เพื่อจำกัดเสรีการปฏิบัติของผู้ก่อเหตุรุนแรง แสดงกำลังในชุมชน หมู่บ้าน ติดตามจับกุม และบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อเหตุรุนแรงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ เป็นการบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง พร้อมทั้งซุ่มเฝ้าตรวจตามเส้นทางในพื้นที่เสี่ยง ป้องกัน/ทำลายความพยายามก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มของกำลังที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจ/ด่านตรวจให้มากขึ้น โดยดำเนินคดีอย่างเข้มงวดต่อยานพาหนะที่ผิดกฎหมายที่มักนำไปใช้ในการประกอบระเบิด เช่น รถที่ถูกแจ้งหาย อีกทั้งร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการร่วมอำเภอ (ศปร.อ.) ในการให้ผู้นำท้องที่นำกำลังภาคประชาชนเข้ามาช่วยในการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน
