ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อว.ม.อ.) เชื่อมโยงสถานศึกษากับภาครัฐ ลงนามส่งเสริมและพัฒนา Wellness Hub ของประเทศไทย
อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อว.ม.อ.) โดยการดำเนินงานของแผนงานการให้บริการเชื่อมโยงนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์แบบเบ็ดเสร็จ (The Platform Supplies Unique Innovation For Transformation : P-SUIT) เชื่อมโยงสถาบันการศึกษากับภาครัฐ ก่อเกิดความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนา Wellness Hub ของประเทศไทย เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ดีกินดีของประชาชน
โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) นำโดย ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมเสวนาเรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนการพลิกฟื้นเศรษฐกิจระหว่างการระบาด และภายหลังการระบาดของโควิด-19 ด้วยการส่งเสริมสุขภาพ ในงาน Thailand National City Talks ครั้งที่ 10” และลงนามข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมและพัฒนา Wellness Hub ของประเทศไทย ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเครือข่ายพันธมิตร โดยมี ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมการส่งเสริมสุขภาพไทย นายสมพงศ์ ดาวพิเศษ นายกสมาคมโรงแรมที่พักส่งเสริมสุขภาพอันดามันและอ่าวไทย และนายฐาปนา บัณยประวิตร เลขานุการคณะกรรมการกฎบัตรไทย และนายกสมาคมการผังเมืองไทย ร่วมลงนาม โดยได้รับเกียรติจาก ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นประธานสักขีพยาน โดยลงนามออนไลน์ผ่านระบบ Webex ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564
ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Hub ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ที่กินดีของประชาชนในภาพรวม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตหาดใหญ่ ปัตตานี ตรัง ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี โดยทำงานผ่านเครือข่าย PSU system อย่างเข้มแข็ง มีบุคลากรที่มีศักยภาพ มีคณะและสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว และดิจิทัล รวมทั้งมีองค์ความรู้และนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วน
ดังนั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสังคม ไม่ใช่แค่ห้วงวิกฤตโควิด-19 แต่ยังรวมถึงภายหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปแล้ว เชื่อว่าทุกหน่วยงานมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันขับเคลื่อนงานที่ท้าทายในครั้งนี้ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถือเป็นองค์กรหนึ่งของภาคใต้และประเทศ มีความพร้อมที่จะเป็นหน่วยวิชาการ และร่วมกันทำงานกับทุกภาคส่วนให้ประสบความสำเร็จ เป็นอนาคตใหม่ของประเทศไทย และพื้นที่อันดามันอีกด้วย