นครศรีธรรมราช - แพทย์หญิง รพ.นบพิตำที่นำพี่สาวฉีดวัคซีนไฟเซอร์โดสที่ 7 ที่เหลือก้นขวด กลับลำตัดสินใจไม่ลาออกแล้ว ยกเหตุหมอ รพ.นบพิตำ มีน้อยต้องแบ่งไปช่วย รพ.สนาม เกรงจะไม่เพียงพอ คิดทบทวนเราได้อะไรจากการลาออก จะขออยู่สู้ต่อเพื่อคนไข้ กล่าวขอโทษทั้งน้ำตาที่คิดน้อยไป แค่อยากให้ได้ฉีดวัคซีน ใครก็ได้บนประเทศไทยขอให้ได้วัคซีน ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่-พี่สาว
วันนี้ (17 ส.ค.) จากกรณีที่มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้ญาติของแพทย์หญิงโรงพยาบาลนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ซึ่งนายแพทย์สาธารณสุข จ.นครศรีธรรมราชได้กล่าวขอโทษประชาชนและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยแล้ว โดยระบุว่า แพทย์หญิงคนดังกล่าวได้ยื่นใบลาออกแล้วนั้น
ล่าสุด พญ.กฤตยาณี พูลเพียร หรือ “หมอกุ๊บกิ๊บ” อายุ 27 ปี แพทย์ประจำ รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์คลิปในเฟซบุ๊ก Gubgib Pulpian บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "ทุกคนบอกให้เงียบ เเต่เมื่อหมอทำผิดก็ต้องออกมารับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง ออกมาเปิดเผยตัวตนและกล้ายอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น หมอขอออกมาพูดอธิบายข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะบางสำนักข่าวนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง"
"ตอนนั้นบอกเลยว่าคาดคิดไม่ถึงจริงๆ ทำไปเพราะคิดว่าวัคซีนวัคซีนกำลังจะถูกทิ้งไป ขอเก็บเอามาฉีดเถอะ วันนี้ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำไปมันผิด ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ขอบคุณกำลังใจและคนที่เข้าใจเหตุการณ์ และขอโทษอีกครั้งสำหรับทุกคนที่โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกุ๊บกิ๊บขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว"
พญ.กฤตยาณี กล่าวในคลิปดังกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ขอโทษที่หมอคิดน้อยไปว่า ควรจะทิ้งมันไป การที่เราไปหยิบวัคซีนขยะนี้มันอาจจะผิด มันอาจจะผิด มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ความรู้สึกของหมอคือ เหลือ ขอ ไม่เหลือไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่หมอก็ได้ พี่หมอก็ได้ เป็นใครก็ได้บนประเทศไทยให้เขาได้รับวัคซีน แม้จะทิ้งก็เหอะ อาจจะมีคนอยากได้ เราแค่รู้สึกเสียดายแค่นั้นเอง"
พญ.กฤตยาณี กล่าวว่า น้อยใจ เสียใจมากที่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น จึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออก และกลับไปบ้านคิดทบทวนตัวเองว่า สิ่งที่ทำมันถูกไหม เราลาออกแบบนี้เราได้อะไรจากการลาออก รพ.นบพิตำมีหมอน้อยมากๆ เพราะต้องไปช่วย รพ.สนามบุษราคัม และยังจะต้องเปิด รพ.สนามนบพิตำด้วย ถ้าเราออกจะมีหมอไม่เพียงพอ เมื่อวานจึงตัดสินใจกลับมาโรงพยาบาลและไปเอาใบลาออกกลับมาก่อน ว่า ฉันจะสู้ก่อน สู้เพื่อคนนบพิตำ สู้เพื่อคนไข้ สู้ด้วยจรรยาบรรณ
"แม้ว่าข่าวที่เกิดขึ้นและถูกโจมตีอย่างหนัก บั่นทอนความรู้สึก บั่นทอนจิตใจตัวหมอเอง จากความเห็นแก่ตัวของหมอที่อยากให้คนที่เรารักคือแม่และพี่สาวได้ปลอดภัย มีชีวิตอยู่กับเราไปนานๆ หมอกราบขออภัยด้วย และยืนยันว่าหมอไม่ได้ไปแย่งวัคซีนของบุคลากรด่านหน้า เพราะทุกคนเป็นคนที่หมอรัก หมอรู้จัก เป็นเพื่อนร่วมหมอ ซึ่งหมอไม่มีทางที่จะแย่งของเขามาอย่างแน่นอน"
“มันเป็นวัคซีนที่เหลือก้นขวดทิ้งถังขยะจริงๆ ทุกคนที่นั่งอยู่ก็เห็น บุคลากรด่านหน้าที่ 66 คนทุกคนได้รับวัคซีนครบ ยอมรับว่าหมอให้พี่สาวพาคุณแม่มาด้วย แต่แม่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแต่อย่างใด เพราะหลังฉีดให้พี่สาวก็มีบุคลากรบางท่านรายงานให้ ผอ.รพ.นบพิตำว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของบุคลากรด่านหน้าให้บุคคลภายนอก ซึ่งเขาก็ทำถูกต้องแล้ว จน ผอ.รพ.กำชับไม่ให้ฉีดให้บุคคลภายนอก แต่หมอเองก็น้อยใจว่า เราทำงานสุ่มเสี่ยงตรงนี้มาต่อเนื่อง แต่เราไม่สามารถที่จะเอาวัคซีนก้นขวดทิ้งไปแล้วกลับมาฉีดให้แม่และพี่สาวของเราเพื่อให้เขาปลอดภัยได้"
"ทุกวันที่หมอมาทำงานที่ รพ.นบพิตำ คลุกคลีกับผู้ป่วย รวมทั้งบุคลากรที่ติดเชื้อก็มี และหมอต้องกลับไปนอนกับแม่ กับพี่สาว ที่ผ่านมาหมอเองเป็นคนเสี่ยงและเสียสละอยู่ด่านหน้า แต่หมอไม่สามารถที่จะดูแลปกป้องคนในครอบครัวของตัวเองได้เลย นี่คือความเห็นแก่ตัวของหมอเอง หมอก็ขอโทษประชาชนทุกคนจริงๆ ที่หมอเห็นแก่ตัว มันเป็นประเด็นที่อ่อนไหวจริงๆ” พญ.กฤตยาณี กล่าว
พญ.กฤตยาณี กล่าวว่า ตนเรียกร้องต่อสู้ขอวัคซีนให้บุคลากรด่านหน้ามาตลอด วันนี้ถ้าใครได้เห็นคลิปนี้ ไม่ว่ารัฐบาลหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบนำวัคซีนมาฉีดให้บุคลากรด่านหน้า ตนเองไม่อยากฉีดเข็ม 3 อยากเอาเข็มที่ 3 ไปฉีดให้แม่หรือคนที่เรารัก ทุกคนรักแม่รักครอบครัว โดยก่อนหน้านี้ ตนกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานาน ตนมีแม่เพียงคนเดียว จึงนำแม่และพี่สาวมาอยู่ด้วย จนเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ ตนเป็นห่วงแม่ เพราะต้องรักษาคนไข้โควิด-19 เมื่อกลับมาบ้านก็ต้องนอนกับแม่ ใกล้ชิดกับพี่สาว ตนเป็นบุคคลเสี่ยงสูงคนหนึ่ง จึงตัดสินใจไปเช่าบ้านแยกให้แม่ไปอาศัยเพื่อความปลอดภัย ส่วนตนนอนที่คลินิกกับพี่สาว