นครศรีธรรมราช - ระทึก! นาทีตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าสยบหนุ่มคลั่งยาเสพติด ถือมีดไล่ฟันพยายามทำร้ายคนในครอบครัว สุดท้ายคุมตัวเอาไว้ได้ปลอดภัยไร้คนบาดเจ็บ
วันนี้ (7 ส.ค.) ขณะที่ ด.ต.อภินันท์ บัณฑิตกุล ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ได้ร่วมกันพยายามเข้าควบคุมตัวชายฉกรรจ์ที่มีอาการคลุ้มคลั่งยาเสพติดที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อุปกรณ์สยบคนคลุ้มคลั่งที่ดัดแปลงขึ้นเองเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องหาไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
สำหรับชายคนนี้ทราบชื่อคือ นายธีรยุทธ หรือเอ็ม ชูมณี อายุ 34 ปี ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ได้รับแจ้งว่า นายธีรยุทธ เกิดคลุ้มคลั่งถือมีดพยายามจะทำร้ายคนในครอบครัว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจึงพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะใช้มีดแหกวงล้อมของเจ้าหน้าที่วิ่งหลบหนีออกจากบ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ไล่กวดติดตามก่อนที่จะคุมตัวเอาไว้ได้ หลังจากนั้นนำตัวมาที่บ้าน ค้นในห้องนอนพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก มีเทปพันสายไฟสีดำพันรอบๆ ดูด้วยสายตาประมาณ 80-100 เม็ด
นอกจากนี้ ยังพบยาระงับอาการทางประสาทจำนวนมาก ทั้งของโรงพยาบาลสราญรมณ์ จ.สุราษฎร์ธานี และยารักษาอาการทางประสาทจากโรงพยาบาลทุ่งใหญ่ ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนให้การรับสารภาพว่า ได้เสพยาบ้าเข้าไปเมื่อคืนที่ผ่านมา จนเกิดอาการหลอนคลุ้มคลั่ง ตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง จึงลงบันทึกประจำวันรับเป็นคดี เจ้าหน้าที่เห็นว่าอาการกำเริบจากอาการทางประสาท จึงทำเรื่องขอส่งตัวไปรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลทุ่งใหญ่ จนอาการหายดีแล้ว ก่อนนำตัวมาดำเนินคดีมียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
นางจิรธานี มณีสาร ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ เพื่อให้มาจับตัวลูกชายไปดำเนินคดี เนื่องจากเกิดอาการคลุ้มคลั่งถือมีดไล่ทำร้ายคนในบ้าน จนผู้เป็นแม่ไม่กล้าที่จะอยู่ในบ้านกับลูกชายคนนี้
ส่วนประวัติของนายธีรยุทธ ที่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เจ้าหน้าที่เผยว่าได้เข้ามาจับตัวนายธีรยุทธ ที่บ้านแห่งนี้ถึง 4 ครั้งแล้ว เนื่องจากสืบทราบว่าเป็นผู้ค้ารายย่อยให้วัยรุ่นในหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังนัดรวมกลุ่มวัยรุ่นแอบมาเสพยาเสพติดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่เข็ดหลาบ จึงนำตัวดำเนินคดี และส่งตัวไปบำบัด แต่พอหายดีก็กลับมายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกเช่นเดิม ในครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังถูกจับได้พยายามขอร้องผู้เป็นแม่ให้นำตัวไปบำบัดรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาก่อน หลังจากนั้นจะอายัดตัวดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายต่อไป
