ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าของในโรงแรมภูเก็ต สุดทน ฟ้องศาลปกครองเรียกเงินชดเชยค่าเสียหายจากรัฐบาล 242 ล้านบาท หลังรัฐไม่ช่วยเหลือเยียวยา กรณีที่จังหวัดภูเก็ตสั่งปิดโรงแรมทุกประเภทในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำเสียหายหนัก
นายประพันธ์ บุญตันตราภิวัฒน์ เจ้าของโรงแรมในเครือบริษัท กมลาบีชอินท์ และบริษัท กัมพลธุรกิจ จำกัด ประกอบด้วยโรงแรม ภูเก็ต ทาวน์อินน์ โรงแรมกะรนวิว รีสอร์ท และโรงแรมกมลาบีชอินน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กรุงเทพฯ เพื่อขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.กระทรวงสาธารณสุข 2.นายกรัฐมนตรี 3.จังหวัดภูเก็ต โดยผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ 4. กระทรวงมหาดไทย จ่ายค่าเสียหายและค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต มีคำสั่งปิดโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตและสถานประกอบการในลักษณะเดียวกัน ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2563 จากมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อแก่ผู้เสียหาย ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2548 ซึ่งยื่นฟ้องไปทั้งหมดเป็นวงเงิน 242 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564
สำหรับสาเหตุการยื่นฟ้องในครั้งนี้ เนื่องจากมองว่า การที่จังหวัดภูเก็ตมีคำสั่งปิดธุรกิจโรงแรมทุกประเภทที่ผ่านมานั้น ทางจังหวัดภูเก็ตและรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการช่วยเหลือ หรือชดเชยรายรับที่หายไปแต่อย่างใดในระยะเวลาที่มีคำสั่งให้ปิดโรงแรม ซึ่งโรงแรมของตนมีแต่รายจ่ายในทุกๆ เดือน โดยไม่เคยได้รับการชดเชยจากภาครัฐ หากโรงแรมจะเปิดบริการอีกครั้งต้องหาเงินมาเตรียมการเปิดเพื่อความสมบูรณ์ของโรงแรมที่มีให้แขกที่จะมาพัก มาซ่อมแซมเตรียมการ แม้ที่ผ่านมา ภาครัฐจะมีประกาศให้สถาบันการเงินในประเทศช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่สิ่งที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ ได้ มีแต่สถาบันการเงินเล่นงานหรือฟ้องร้อง บังคับคดีกับผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า จากคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมดที่โดนล็อกดาวน์ ตั้งแต่ 4 เม.ย.63 เป็นต้นไป เป็นเวลา 4 เดือนกับ 20 วัน ทำให้เศรษฐกิจภูเก็ตยังฟื้นไม่ได้จนถึงวันนี้ ซึ่งเราเพิ่งเปิดสนามบินเพื่อรับชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.64 ที่ผ่านมา ถ้าเศรษฐกิจฟื้น แต่ภาพรวมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของภูเก็ตยังไม่ฟื้น ตนในฐานะผู้ประกอบการได้ปรึกษาทางทนายว่ามีช่องทางไหนที่จะสามารถฟ้องรัฐบาลให้จ่ายค่าชดเชย หรือออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน โดยให้กู้เงินระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ 2% เป็นเวลา 10 ปี
ตนได้ยื่นฟ้องกระทรวงสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ต่อศาลปกครองกลางที่กรุงเทพฯ มีอายุความ 1 ปี นับแต่ที่มีคำสั่ง ขณะนี้อายุความหมดไปแล้ว ตนเป็นผู้ประกอบการรายเดียวของภูเก็ตที่ยื่นฟ้องรัฐบาล แต่ตนคิดว่าผู้ประกอบการในภูเก็ตอีกเป็นแสนที่ได้รับความลำบาก
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะฟ้องศาลปกครองแล้ว วันที่ 16 มี.ค.64 ตนได้นำสำเนาเอกสารส่งไปยังกระทรวงสาธารณสุขด้วย และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ทางกระทรวงสาธารณสุข มีเอกสารตอบกลับมา โดยใจความส่วนหนึ่งของหนังสือระบุ ว่า ตามที่ตนได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้พิจารณาจ่ายค่าเสียหายและค่าชดเชยความเสียหายหายจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ ที่สั่งปิดโรงแรมทุกประเภทในจังหวัดภูเก็ตเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 84 ล้าน รวมทั้งให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินโดยกู้ยืมเงินระยะยาวมีดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้เสียหายต่อไป ว่า ขณะนี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขทราบแล้วและมอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายประพันธ์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันฟ้องจนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก แต่คดีนี้ได้โอนมาที่ศาลปกครองจังหวัดภูเก็ตแล้ว ซึ่งตนรอในส่วนของศาลปกครองจังหวัดภูเก็ตต่อไป ทั้งนี้ ที่ยื่นฟ้องเป็นความเสียหายตั้งแต่วันแรกที่ทางจังหวัดภูเก็ตประกาศปิดโรงแรม จนถึงบัดนี้รวมระยะเวลา 18 เดือน รัฐบาลไม่เคยสนใจ ไม่เคยเหลียวแลและช่วยเหลือผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ตเลย
ในกรณีที่ภูเก็ตถูกสั่งปิดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำเฉย ความเดือดร้อน รายได้ที่ลดลงไป คนไม่มีจะกินถามว่าใครจะรับผิดชอบ รัฐบาลเปิดภูเก็ตวันที่ 1 ก.ค.64 ธุรกิจส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังไม่ฟื้น ไปไม่รอด เพราะว่ารัฐบาลไม่มีมาตรการอะไรที่มาช่วยภูเก็ต แต่รัฐบาลช่วยที่จังหวัดอื่นได้ เหมือนที่กรุงเทพ ในเร็วๆ นี้กระทรวงการคลังอนุมัติเงินออกมา 2,500 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการในกรุงเทพฯ แต่ทำไมในภูเก็ตรัฐถึงไม่ช่วย ภูเก็ตเป็นจังหวัดซึ่งเสียภาษี นำภาษีเข้าส่งส่วนกลางเยอะมาก แต่เวลานี้ ตอนนี้รัฐบาลช่วยอะไรคนภูเก็ตบ้าง ตนคิดว่าคนภูเก็ตตอนนี้เดือดร้อนหนักรัฐบาลต้องช่วยทุกๆ คน เพราะทุกๆ คนก็เป็นคนไทย ไม่ใช่เลือกที่จะช่วย” นายประพันธ์ กล่าวและว่า
ตอนนี้สถาบันการเงินทุกแห่งทุกประเภท ทั้งไฟแนนซ์ ธนาคารมาไล่ทวงเงินกับลูกหนี้ ซึ่งเป็นประชาชน รัฐบาลต้องมีกฎหมายชะลอการบังคับคดี ชะลอการฟ้องคดี ชะลอการขายทอดตลาด ตนคิดว่าน่าจะใช้เวลาสัก 2-3 ปี อย่าไม่ให้ประชาชนทุกข์มากเกินไป ตนทำเอกสารเสนอผู้ใหญ่ไปว่าขอให้ชะลอการฟ้องคดี การบังคับคดี การขายทอดตลาด ทรัพย์สินของลูกหนี้ ตอนนี้ไม่มีใครมีเงิน เพราะเราไม่ได้ทำงาน 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง และยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะจบเมื่อไหร่
“สิ่งที่ต้องการเรียกร้องจากรัฐบาลคือเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยา และเรื่องของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเรื่องของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อที่จะนำเงินมาฟื้นฟูธุรกิจเพื่อให้สามารถเดินต่อไปได้”