พัทลุง - ประชุมกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนก จ.พัทลุง ครั้งล่าสุดยืนราคากลาง 450 ล้านบาท แต่มีโปรโมชันดึงดูดความสนใจผู้ประมูลเพียบ ขณะที่ภาคประชาชนเสนอปิดเกาะรังนกชั่วคราว
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมอิราวดี ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานการประชุมกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง ครั้งที่ 10 ประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาเปิดให้ประมูลสัมปทานราคารังนกอีแอ่น ครั้งที่ 4 ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการได้ประกาศขายซองประมูลราคาต่อเนื่องมาแล้ว จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ราคากลางอยู่ที่ 475 ล้านบาท และครั้งที่ 2-3 ราคากลางอยู่ที่ 450 ล้านบาท ให้เวลาผู้สัมปทานเก็บรังนกได้เป็นเวลา 5 ปี แต่ก็ยังไม่มีเอกชนรายใดซื้อซอง และประมูลสัมปทาน
ทางคณะกรรมการจึงต้องประชุมพิจารณา และเปิดให้มีการยื่นซองประมูลสัมปทานรังนกเป็นครั้งที่ 4 เพื่อเร่งรัดให้มีเอกชนยื่นซองประมูลราคา เนื่องจากช่วงนี้สัญญาสัมปทานเกาะรังนกของผู้สัมปทานรายเก่าหมดสัญญาไปแล้ว ทางจังหวัดเข้าไปทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเกาะรังนก ป้องกันไม่ให้มีการขโมยรังนกอีแอ่นในช่วงรอยต่อสัมปทาน ซึ่งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ อบจ.พัทลุงรวม 70 นาย ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 ล้านบาทต่อเดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า มติในที่ประชุมของคณะกรรมการยังยืนราคากลางอยู่ที่ 450 ล้านบาท แต่มีโปรโมชันดึงดูดความสนใจผู้ประมูล ด้วยการลดวงเงินประกันซองจาก 45 ล้านบาท เหลือเพียง 10 ล้านบาท ลดค่าเปอร์เซ็นต์ผลกำไรจาก 25 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ ค่ามัดจำล่วงหน้าในวันลงนามสัญญาจาก 120 ล้านบาท ให้เหลือ 90 ล้านบาท และให้ผู้สนใจขอรับเอกสารประมูลได้โดยไม่ต้องซื้อซอง
นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง กล่าวว่า คณะกรรมการได้พิจารณาคิดหาวิธีเพื่อให้เอกชนสนใจเข้ายื่นซองประมูลสัมปทานรังนกของ จ.พัทลุง ให้ได้โดยเร็วที่สุด และทุกครั้งที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการไม่ได้ปรับลดเงื่อนไขอะไรมากเท่าครั้งนี้ แต่ระยะดำเนินการต้องเร่งด่วน จะประกาศเชิญชวนให้บริษัทผู้สนใจเดินทางมารับเอกสาร และกำหนดให้ยื่นซองในวันที่ 5 ก.ค. ผู้สนใจที่ยื่นซอง ทางกรรมการจะพิจารณาผู้ที่เสนอราคาไม่ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวตรวจสอบพื้นที่ถ้ำรังนก พบร่องรอยคนร้ายลักลอบเก็บรังนกนั้น มีรายงานจากพื้นที่ว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และพบหลักฐานบางอย่าง จึงได้เดินทางไปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เกาะนางคำ อ.ปากพะยูน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจากกรณีดังกล่าวทำให้สังคมมองคณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่ไปในทิศทางที่ไม่ดี อย่างไรก็ตาม จากกการสอบถามยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพียงแต่ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น เพราะยังไม่มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับความเสียหายเป็นใคร และอีกอย่างทางฝ่ายกฎหมายรายงานว่ารังนกอีแอ่นที่อยู่ในถ้ำไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร ถ้าจะแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักรังนกก็ต้องใช้กฎหมายป่าไม้ ลักลอบล่าสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่นๆ ได้
นายเกลื่อม พูนสง อายุ 60 ปี ประธานชมรมผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชนจังหวัดพัทลุง แถลงว่า ติดตามการประมูลราคารังนกอีแอ่นของ จ.พัทลุง มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นผลประโยชน์ที่ประชาชนชาวพัทลุงได้รับโดยตรง โดยที่ไม่ต้องส่งรายได้เข้าส่วนกลาง แต่การประมูลรอบนี้มีอะไรที่น่าสังเกตหลายอย่าง ข้อมูลความต้องการของรังนกมีมากขึ้น ปริมาณรังนกที่เก็บได้ในรอบ 5 ปี ก็เพิ่มขึ้นเกือบ 4,000 กก. เป็นรังนกขาว ราคา กก.ละ 60,000 บาท เมื่อทางจังหวัดเปิดประมูลรอบใหม่ไม่มีใครสนใจเข้าร่วมประมูล คิดได้อย่างเดียวคือ กลุ่มทุนเกรงกลัวอิทธิพลของกลุ่มทุนในพื้นที่ หรือกลุ่มทุนมีการตกลงกันได้ ด้วยการแบ่งเขตพื้นที่ประมูลรังนก จึงไม่ต้องมีการแข่งขันกัน
และที่สำคัญนายทุนรู้จุดอ่อนของ จ.พัทลุง ที่ไม่มีงบประมาณเฝ้ารักษาความปลอดภัยเกาะรังนก จึงอยู่เฉยให้ราคากลางปรับลงมาให้ตามความต้องการ อย่างไรก็ตาม เมื่อคณะกรรมการกำหนดราคากลางยืนอยู่ที่ 450 ล้านบาท ถ้าหากยังไม่มีผู้สัมปทาน ปล่อยให้ถึงทางตันที่จังหวัดไม่มีงบประมาณดูแลเกาะรังนก ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการสั่งปิดเกาะ และนำกำลังกลับบ้าน โดยมอบหมายให้ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านใน อ.ปากพะยูน บางแก้ว และ อ.เขาชัยสน ดูแลผลประโยชน์ของพื้นที่ไปจนกว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาสัมปทานไป