นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านยันไม่รู้ใครถอด “เสาสุริยะเทพ” เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ชื่อกระฉ่อนหายร่วม 30 ต้น เผยเห็นรถ 6 ล้อติดเครนถอดหิ้วขึ้นรถขนไป ด้าน ป.ป.ช.ลงพื้นที่เก็บข้อมูล พบเจ้าหน้าที่ทางหลวงชนบทถอดไปเก็บ เตรียมวางเสาไฟส่องสว่างแบบปกติชุดใหม่
จากกรณีเสาไฟฟ้าโซลาร์เซล หรือที่ถูกเรียกติดปากในชื่อ “เสาสุริยะเทพ” ที่ถูกติดตั้งอยู่บนถนนหลายแห่งใน จ.นครศรีธรรมราช จำนวนไม่น้อยที่อยู่ในลักษณะชำรุด หรือเสื่อมสภาพ โดยการจัดทำโครงการนี้ในชื่อโครงการจัดซื้อโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ ติดตั้งเสาไฟแสงสว่างแบบ LED วงเงิน 194 ล้านบาท กำหนดติดตั้งใน 22 สายทาง จำนวน 2,998 ชุด ราคาตกเสาละ 65,000 บาท ในวงเงินงบประมาณพัฒนาจังหวัดเพิ่มเติมปี 2560
และเป็นที่น่าสนใจเมื่อผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการถอดเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ในโครงการนี้ที่ถูกติดตั้งบนถนนสายเลียบทางรถไฟ ช่วงรอยต่อระหว่าง ต.มะม่วงสองต้น อ.เมืองนครศรีธรรมราช และ ต.นาสาร อ.พระพรหม หายไปโดยไร้ร่องรอยถึงกว่า 30 ต้น เมื่อเข้าตรวจสอบพบว่ามีการถอดออกไปจำนวนมาก เหลือแค่ฐานเสา โดยพบว่าตลอดเส้นทางมีการเรียงหมายเลขติดตั้งจาก A001 ไปตลอดเส้นทางจนถึงต้นสุดท้ายก่อนที่เสาจะหายไป คือหมายเลข A110 และไปพบเหลืออีก 2 ต้น คือต้นที่ A145 และ A146 และมีการถอดหายไปจนสุดเส้นทาง เท่ากับว่าเสาหายไปถึงกว่า 30 ต้น หรืออาจมากถึง 40 ต้น
ความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องนี้ ชาวบ้านในพื้นที่รายหนึ่งเปิดเผยข้อมูลว่า เสานี้ถูกถอดไปโดยรถบรรทุก 6 ล้อติดเครน และนำบรรทุกไป โดยที่ชาวบ้านไม่รู้ว่าหน่วยงานใด หรือใครเป็นคนถอด ซึ่งรถ 6 ล้อใหญ่มาบรรทุกไป ถ้ารถเล็กคงบรรทุกไม่ไหวแน่ แต่เข้าใจว่าคนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่คงถอดไปไว้ เพราะมีเสาไฟมาเพิ่มแล้ว คงถอดไปส่งคืนนานแล้ว และเป็นเดือนแล้วที่เขามาถอดไป
อย่างไรก็ตาม นายกอรปณัช รัตนคช เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการ สำนักงานป้องกันปราบปรามการทุจริตจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่เข้าติดตามรวบรวมข้อมูลเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ พร้อมเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ประสานติดตามข้อมูลกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ พบว่ามีหน่วยงานหนึ่งได้ขออนุญาตถอดออกไป ซึ่งขอให้ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานนั้น ส่วน ป.ป.ช.นั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลทุกด้านเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชา
สำหรับข้อมูลล่าสุดนั้น ผู้สื่อข่าวได้ติดตามพบว่าโครงการเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ มีเจ้าของโครงการคือที่ทำการปกครองสำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา สำนักงานกรมทางหลวงชนบทได้ทำหนังสือมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอรื้อถอนเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ออกไป เพื่อติดตั้งเสาไฟฟ้าส่องสว่างเป็นระบบปกติ แต่ไม่มีข้อมูลว่าหลังจากถอดแล้วถูกนำไปเก็บไว้ที่ใด
สำหรับโครงการนี้ได้ถูกระบุว่าเมื่อติดตั้งแล้วจะถูกถ่ายโอนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ แต่กลับพบว่าทั้งหมดนั้นท้องถิ่นที่ถูกติดตั้ง มีมติไม่รับโอน เนื่องจากเสาไฟฟ้าอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ และไม่เสถียร รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูง ท้องถิ่นไม่มีงบประมาณเพียงพอ ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราชไม่ได้รับจัดสรรงบซ่อมบำรุง เนื่องจากในโครงการเดิมระบุว่าถ่ายโอนให้กับท้องถิ่น จึงทำให้เสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เริ่มทยอยเสื่อมสภาพลงจากอายุการใช้งาน และหลังจากนี้อาจจำเป็นต้องถอดทิ้ง จึงถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณที่มีจำนวนสูงถึงกว่า 194 ล้านบาท
