ตรัง - ป.ป.ช.ตรังระบุรื้อ “เสาไฟประติมากรรมหงส์” ต้นละ 1 แสนบาทโดยพลการอาจผิดวินัยราชการ หลังสูญหาย 30 ต้น ก่อนตามพบถูกซุกบ่อขยะเทศบาลนครตรัง อ้างชำรุดกลัวอันตราย
ภายหลังการนำเสนอข่าวประเด็นตรวจสอบการประกวดราคาจ้างงานโครงการจัดซื้อเสาไฟประติมากรรมกินรี พร้อมโคมไฟ ขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตั้งแต่ปี 2556-2564 รวม 8 ปี จำนวน 11 สัญญา รวมวงเงิน 907,270,000 บาท ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าราคาแพงเกินจริงหรือไม่ และพบกรณีคล้ายกันในหลายจังหวัด จนทำให้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. สั่งปูพรมตรวจสอบโครงการจัดซื้อเสาไฟประติมากรรมทุกจังหวัดทั่วประเทศนั้น
ล่าสุด ที่จังหวัดตรัง โดยการเปิดเผยข้อมูลของเพจ “ชมรมตรังต้านโกง” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพระบุ “เสาสูญ..ประติมากรรมหงส์ ถนนทุ่งแจ้ง-ตรัง ช่วงนี้กระแสเสาไฟประติมากรรมรูปลักษณ์ต่างๆ มาแรงมากๆ เรียกได้ว่าแพงทุกหย่อมหญ้า.. แต่ที่ตรังบ้านเรา..บนถนนทุ่งแจ้ง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ทางเข้าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดตรัง กลับไม่ปรากฏเสาประติมากรรม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังมีติดตั้งส่องสว่างอยู่..ไม่รู้ว่าสูญไปไหน..ฝากเทศบาลนครตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตามกลับมาใช้งานด้วย..ไหนๆ ก็ใช้งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างมาแล้ว”
กระทั่งล่าสุด นายวัลลภ ช่วยบำรุง ปลัดเทศบาลนครตรัง ได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเปิดเผยว่า เสาประติมากรรมรูปหงส์ดังกล่าว ขณะนี้ถูกนำไปจัดเก็บไว้ที่บ่อกำจัดขยะของเทศบาลนครตรัง ภายในสนามกีฬาทุ่งแจ้ง เนื่องจากมีสภาพชำรุด และสนิมเกาะกิน ส่วนตัวหงส์ก็แตกหักทั้ง 30 ต้น ต้องกองเพื่อรอจำหน่าย ทั้งนี้ เสาประติมากรรมหงส์ดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อปี 2546 โดยงบอุดหนุนเฉพาะกิจประมาณ 15.5 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งถนน คูระบายน้ำต่างๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเสาประติมากรรมหงส์เพียงอย่างเดียว ในส่วนของเสาไฟประติมากรรมหงส์ ราคาต้นละ 1 แสนบาท จำนวน 30 ต้น รวม 3 ล้านบาท โดยได้มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดตรัง (ป.ป.ช.ตรัง) เข้ามาร่วมลงตรวจสอบด้วย ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง เปิดเผยผลการตรวจสอบในเบื้องต้นว่า ในส่วนของจังหวัดตรัง พบในส่วนของเสาไฟประติมากรรมหงส์ของเทศบาลนครตรัง เบื้องต้นเหลือแค่ตอม่อ โดยทางปลัดเทศบาลนครตรัง ยอมรับว่า ทางเทศบาลได้รื้อออกไปเองเพราะชำรุด และกลัวความปลอดภัยของผู้สัญจรไปมา ในส่วนของการดำเนินการตามกระบวนการของ ป.ป.ช. จะขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างในปี 2546 มาตรวจสอบทั้งหมด แม้ขาดอายุความตามมาตรา 157 ที่มีอายุความ 15 ปีไปแล้ว แต่อายุความทางอาญา 20 ปียังคงอยู่ หากพบว่าเป็นความผิดทางอาญาอื่น
นายราม กล่าวด้วยว่า เท่าที่สังเกตดู กระบวนการในเบื้องต้นที่จู่ๆ ก็รื้อ จะต้องมีระเบียบพัสดุเรื่องการจำหน่ายทรัพย์สินมารองรับก่อน ก่อนรื้อต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบประเมินความคุ้มค่าก่อนว่าชำรุดเสียหายหรือไม่ ไม่ใช่จู่ๆ จะไปรื้อเองได้ กรณีนี้พบว่าไม่มีการตั้งกรรมการดังกล่าว ซึ่งอาจไม่ถูกต้องตามระเบียบราชการ เพราะทรัพย์สินทางราชการทุกประเภทก่อนรื้อทำลายหรือจำหน่ายออกต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทุกกรณี ส่วนนี้อาจะเป็นความผิดในเรื่องวินัยราชการได้
