ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โรงแรมและที่พักบูติกภูเก็ตดิ้นหนีโควิด-19 หลังกระทบหนักปิดตัวไปกว่า 80% ฮึดสู้ ปรับตัวให้อยู่รอดท่ามกลางสงครามราคาที่โรงแรมระดับ 5 ดาวดัมป์ลงมาจนไม่เหลือพื้นที่ให้โรงแรมเล็กๆ ได้อยู่ในตลาด ฉีกแนวใหม่ดึงลูกค้า ด้วยการเพิ่มมูลค่าให้ที่พัก เพิ่มจุดขายเน้นท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ เข้าถึงวิถีชุมชน ที่แตกต่างจากโรงแรมทั่วไป
นายพชร เหลือละมัย นายกสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต เปิดเผยถึงผลกระทบและการปรับตัวของที่พักบูติก หรือโรงแรมขนาดเล็ก ในจังหวัดภูเก็ต จากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ที่พักบูติกในภูเก็ตหรือโรงแรมขนาดเล็กที่เปิดให้บริการอยู่ในภูเก็ต ที่มีห้องพักไม่กี่ห้อง ได้รับผลกระทบหนักมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่รอบแรกเมื่อปีที่แล้ว ที่พักบูติกกว่าร้อยละ 90 ต้องปิดให้บริการ จากที่ไม่มีลูกค้าใช้บริการ แต่หลังจากโควิด-19 ในระลอกแรกเริ่มคลี่คลาย ที่พักบูติกกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทั้งหมด เปิดอยู่ประมาณ 10-20% เท่านั้น
การเปิดให้บริการในรอบใหม่ที่พักบูติกในภูเก็ตต้องประสบปัญหาอย่างหนักจากสงครามราคาในธุรกิจโรงแรม ที่โรงแรมระดับ 4-5 ดาว ลดราคาลงมาอย่างหนัก จนทำให้ที่พักบูติกซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 0-3 ดาว ไม่รู้ว่าจะอยู่ในเซ็กชันไหนของที่พักในตลาด และจะกำหนดราคาระดับไหนถึงจะอยู่ได้ในตลาดที่พักของภูเก็ต ที่มีการแข่งขันเรื่องราคาสูงมากหลังโควิด-19 ระบาด
นายกสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต เปิดเผยต่อว่า สิ่งที่จะทำให้ที่พักบูติกในภูเก็ตอยู่รอดในภาวะที่ไม่สามารถแข่งขันเรื่องราคากับโรงแรมระดับ 4-5 ดาวได้ มีอยู่ 2 แนวทางด้วยกัน ที่พักบูติกในภูเก็ตมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด คือ ต้องทำให้ที่พักบูติกเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นและอยู่ในเทรนด์ที่คนอยากจะเข้ามาพัก รวมไปถึงเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวให้มากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการเพียงห้องพักอย่างเดียว เช่น เปิดคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ที่พักและดึงดูดให้คนเข้ามาพักมากขึ้น
การทำให้ที่พักบูติกเป็นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ โดยการดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มที่นิยมและชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์เข้ามาพัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มาเที่ยวแล้วจะต้องนอนโรงแรมระดับ 5-7 ดาว หรือนอนพูลวิลล่า เพราะที่พักบูติกไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองขยับไปเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ ดังนั้น เราจะต้องสร้างจุดขายในการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ และสอดคล้องกับวิถีชุมชน กระจายรายได้สู่ชุมชนอีกทางหนึ่ง
โดยขณะนี้มีที่พักบูติกในภูเก็ต ไม่ต่ำกว่า 7 ราย ได้นำเสนอจุดขายด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้นักท่องเที่ยวที่หาได้จากการมาภูเก็ตเท่านั้น เช่น บ้านอาจ้อ ซึ่งเป็นที่พักบูติกที่นำอังมอหลาวมาปรับเป็นที่พัก มีห้องพักเพียง 2 ห้องเท่านั้น ตั้งอยู่หัวเกาะภูเก็ต ที่ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นำเสนอจุดขายในการอนุรักษ์ความเป็นภูเก็ตและเสริมด้วยอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากชุมชนในภูเก็ต โดยใช้สูตรเก่าแก่ของที่บ้าน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตได้รับรู้ถึงรากเหง้าของความเป็นภูเก็ต ว่าคนภูเก็ตกินอยู่กันอย่างไร ให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับและประทับใจกับประสบการณ์ใหม่ในการมาภูเก็ต ไม่ใช่มาพูดกันแต่เพียงสระน้ำที่ใหญ่มากๆ ซึ่งจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถหาได้ทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมเอ้ก อี เอ้กเอ้ก (8IK88) ซึ่งตั้งอยู่ที่อ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นอีกหนึ่งโรงแรมขนาดเล็กที่เน้นขายซีวิวและประสบการณ์ให้ผู้เข้าพัก ผู้เข้าพักสามารถเดินลงไปยังชาดหาดได้ พายแพดเดิลบอร์ดไปหาชาวบ้าน ไปทานอาหารซีฟูดสดๆ ไปตกหมึก ตกปลา เข้าถึงวิถีชุมชน เป็นการเกื้อหนุนกันระหว่างโรงแรมกับชาวบ้าน
ส่วนในตัวเมืองภูเก็ต ตอนนี้จะมีโรงแรมที่ชื่อว่า Hao Hostel ซึ่งเป็นของตนเอง โรงแรมในสไตล์ที่ทันสมัย อยู่บริเวณใกล้ๆกับ บขส.เก่า อยู่ในกลางเมืองภูเก็ต มีห้องพัก 4 ห้อง มีคาเฟ่ด้านล่าง จะนำนักท่องเที่ยวที่เข้าพักไปถ่ายรูปในย่านเมืองเก่า เป็นแบบ Foto walk ชมบ้านเมืองอาคารสถาปัตยกรรมชิโนโปตุกีสในย่านเมืองเก่า โดยจุดที่เราพานักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปนั้นจะเป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนไปถ่ายมากนัก ตามซอย ตามซอกต่างๆ ให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นภูเก็ตอย่างแท้จริง
“การทำตลาดจับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์จากการเดินทางท่องเที่ยวและเข้าถึงชุมชนอย่างแท้จริงนั้น เป็นการเกื้อกูลกันระหว่างผู้ประกอบการที่พักกับชุมชน ในการที่กระจายรายได้ถึงทุกภาคส่วน” นายกสมาคมที่พักบูติก กล่าวและว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาและอุปสรรคอย่างยิ่งของผู้ประกอบการที่พักบูติกในภูเก็ต คือ โรงแรมที่พักที่เราเปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ไม่มีใบอนุญาตประกอบการโรงแรม ทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงการช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ เพื่อมาปรับปรุงที่พักให้พร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว การลงทุนที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วจะใช้เงินทุนส่วนตัว ซึ่งลงทุนไม่สูงมากเพราะมีไม่กี่ห้องเท่านั้นเอง โดยในส่วนของใบอนุญาตประกอบการนั้น ขณะนี้ทางสมาคมฯ ได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการของรัฐบาลในการแก้ไขกฎหมายโรงแรม ให้ยุติธรรมและเหมาะสมกับโรงแรมและที่พักขนาดเล็กสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัยที่ทุกคนให้ความสำคัญในส่วนนี้มาก มีการติดตั้งถังดับเพลิง ป้ายหนีไฟ ทำตามที่ภาครัฐกำหนดทุกอย่าง
“โรงแรมขนาดเล็ดและที่พักบูติกในจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ มีประมาณ 400 แห่ง และที่อยู่นอกสมาคมฯ ที่ได้ลงใน ม.44 แล้ว รวมกันประมาณ 1,000 กว่าแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีห้องพักเฉลี่ยไม่เกิน 70 ห้อง ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ภูเก็ตไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ในช่วงปกติที่ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ต้องการมาเที่ยวภูเก็ตและมีงบประมาณจำกัดในการท่องเที่ยว และเป็นกลุ่มท่องเที่ยวมีทำให้มีการกระจายสู่ชุมชนจริงๆ และอยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนการจัดแพกเกจต่างๆ ในการสนับสนุนโรงแรมที่พักขนาดเล็กให้มากขึ้น” นายกสมาคมที่พักบูติกภูเก็ต กล่าว