ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ว่าฯ จ.สงขลา นำกลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน” บูรณาการทุกหน่วยในพื้นที่สกัดโควิด-19 เน้นแรงงานต่างด้าว และกลุ่มขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
วันนี้ (28 พ.ค.) นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีคนไทย และคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
จังหวัดสงขลา จึงได้กำหนดแนวทางป้องกันอย่างเข้มงวด โดยนำกลไก “ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านฯ” บูรณาการทุกหน่วยในพื้นที่สกัดโควิด-19 เน้นแรงงานต่างด้าว และกลุ่มขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันอย่างเข้มงวด และต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งการเพิ่มความถี่ตรวจแนวรั้วชายแดนใน 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สะเดา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองตั้งจุดตรวจจุดสกัดพื้นที่ชายแดน พื้นที่ตอนใน และพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน รวมทั้งให้ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้าที่แฝงตัวเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ หากพบเห็นผู้กระทำความผิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักกัน และดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ได้มีการเน้นย้ำการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งแรงงานต่างด้าว และคนไทยจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจนำเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์เข้ามายังประเทศไทยได้ เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นไม่ได้ผ่านการคัดกรองตามกระบวนการของสาธารณสุข โดยทางจังหวัดได้ออกมาตรการสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ดูแลแรงงาน รวมทั้งทุกโรงงานต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ป้องกันคลัสเตอร์ใหม่จากแรงงานต่างด้าว และได้กำชับทุกหน่วยเพิ่มการตรวจสอบช่องโหว่/ช่องว่าง โดยเฉพาะตามแนวชายแดน รวมทั้งให้รายงานการปฏิบัติงานมายังจังหวัดในฐานะศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง
สำหรับจังหวัดสงขลา มีพื้นที่แนวชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซียทั้งหมด 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สะเดา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย รวมระยะทาง 150 กิโลเมตร ตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 8ค ถึงหลักเขตแดนที่ 39 โดยมีหน่วยกำลังหลักตามแนวชายแดน ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 (ฉก.ร.5) ประกอบด้วย กองร้อยทหารราบที่ 5021 ที่เป็นกำลังทหาร และศูนย์เฝ้าตรวจชายแดนที่ 431 เป็นกำลังตำรวจตระเวนชายแดน
