ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 คุมเข้มแนวชายแดน ทั้งทางบก และทางทะเล รวมทั้งแม่น้ำที่ติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ทั้งแรงงานไทย และต่างด้าวที่อาจพาโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้เข้ามาแพร่ในไทย
สถานการณ์โควิด-19 ตามพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สงขลา สตูล และ จ.นราธิวาส ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้ที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศมาเลเซีย ทำให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ภายใต้การนำของ พ.อ.อายุพันธ์ กรรณสูต ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ต้องยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-มาเลเซีย และเสริมกำลังออกตรวจสอบ ทั้งทางบกแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
รวมทั้งส่งกำลังออกตรวจสอบทางทะเลในพื้นที่ จ.สตูล และแม่น้ำสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเดินทางเข้ามาของแรงงานไทย และแรงงานต่างด้าวทางช่องทางธรรมชาติแนวชายแดนทางบก และมาทางเรือ โดยที่ไม่ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 และกักตัว 14 วัน ตามมาตรการของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะนำเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เข้ามาแพร่เชื้อในประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
ขณะที่ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้ออกคำสั่งให้ทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตรวจคนเข้าเมือง ตชด.445 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านวางมาตรการ จัดกำลังวางแผน บูรณาการร่วมออกลาดตระเวน เฝ้าระวังหมู่บ้านติดชายแดนมาเลเซีย เพื่อป้องกันกลุ่มคนไทยที่ทำงานในประเทศมาเลเซียที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ตามแนวชายแดน ลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ตามช่องทางธรรมชาติรอยต่อประเทศมาเลเซีย ในช่วงก่อนเทศกาลฮารีรายอในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์อินเดีย และสายพันธุ์แอฟริกา โดยเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวด ความถี่ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองเบตง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เบตง ได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดออกภายนอกเคหสถานช่วงเวลา 22.00-04.00 น. เพื่อป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยได้เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่ 1-18 พ.ค.2564
ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรองตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาล และที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง ได้มีการตั้งจุดคัดกรองลงทะเบียนไทยชนะ เพื่อการติดตามหากมีการพบผู้มีอาการ และกำหนดให้มีทางเข้าออกตลาดเพียง 2 ช่องทาง เพื่อป้องกันการแออัด และเป็นการเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ขณะที่บรรยากาศย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านการค้าที่เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าที่จำหน่ายนักท่องเที่ยวต่างปิดตัวลงชั่วคราว โดยตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งที่ผ่านมา อ.เบตง ที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในระลอก 1 และ 2 ปรากฏว่าในระลอกที่ 3 มีผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตด้วย ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการชั่วคราว ทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่า