xs
xsm
sm
md
lg

จับโกหก “บีอาร์เอ็น” ปฏิเสธยิงแล้วเผารถฆ่า 3 ศพ บนถนนปัตตานี-นราธิวาส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โดย..ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล

จากกรณีที่เพจข่าว “บีอาร์เอ็น” ได้ออกมาปฏิเสธว่าการฆ่าแล้วเผา นายสุพร กิตติประภานันท์ พ่อค้าส่งสินค้าจาก อ.หาดใหญ่ ไปยัง จ.นราธิวาส น.ส.จิราพร กิตติประภานันท์ ลูกสาว และนายสันติพัฒนา กิตติประภานันท์ หลานชาย ขณะที่ขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ ไปส่งสินค้าที่ จ.นราธิวาส เสียชีวิตทั้ง 3 คน เกิดเหตุบนถนนสายปัตตานี-นราธิวาส หมู่ 5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พล.ต.ต.พิชวุชฒิ์ สงวนสมบัติสิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า จากการพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนที่ตกในที่เกิดเหตุ 5 ปลอก เป็นกระสุนปืนของปืนกลขนาด .225 (56 มม.) ใช้ยิงจากปืนอาก้า กระบอกเดียวกับที่คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุมาแล้ว 4 คดีด้วยกัน ซึ่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ได้รวบรวมรายละเอียดเอาไว้ดังนี้

วันที่ 23 ก.พ.61 ยิงสถานียุทธศาสตร์มะนังดาลำ ต.เกราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เก็บปลอกกระสุนได้ 18 ปลอก

วันที่ 26 ธ.ค.62 ยิงนายคอเดร์ มะแด ที่ร้านน้ำชาตรงข้ามมัสยิดดารูลราห์มาร์ ต.พ่อมิง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เสียชีวิต มีปลอกกระสุนตกที่เกิดเหตุ 11 ปลอก

วันที่ 12 ต.ค.62 ยิงนายสมเดช ขาวงาม และนายเป้ ตันมงคล ขณะขับรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ บรรทุกรถจักรยานยนต์จาก จ.สงขลา ไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.นราธิวาส เหตุเกิดที่หมู่ 5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เก็บปลอกกระสุนได้ 6 ปลอก

วันที่ 9 ต.ค.63 ยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ และวางระเบิดแสวงเครื่องล่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย มีปลอกกระสุนตกในที่เกิดเหตุ 5 ปลอก

และล่าสุด วันที่ 24 เม.ย.64 ยิงนายสุพร กิตติประภานันท์ กับลูกสาว และหลานชาย ทั้งหมดมาจากปืนกระบอกเดียวกัน

ดังนั้น การที่เพจที่เป็นหน่วยงานไอโอของบีอาร์เอ็นในพื้นที่ อ้างว่า การฆ่าแล้วเผานายสุพร กับลูกสาว และหลานชาย ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น จึงเป็นการทำไอโอที่โกหก และต้องการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นแผนการที่บีอาร์เอ็นใช้มาโดยตลอด เคสนี้เป็นเคสที่มีการวางแผนล่วงหน้า มีการติดตามเหยื่อมาเป็นเวลานานหลายเดือน และเป็นการสั่งการมาจากแกนนำจากกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเคสการที่ทหารชุด ชป.จรยุทธ์ วิสามัญแนวร่วมที่ขว้างระเบิดใส่ชุด ชคต.ลูโบะบายะ ใน อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 22 เม.ย.แต่อย่างใด

เพราะเคสการโยนระเบิดใส่ชุด ชคต. และหลบหนีจนปะทะกับทหารชุด ชป.จรยุทธ์ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นกำลังอีกชุดหนึ่งที่ผสมผสานระหว่างแนวร่วมเก่ากับแนวร่วมใหม่ ที่เรียกว่า “แนวร่วมหน้าขาว” เพราะยังไม่มีประวัติการก่อเหตุ ชุดนี้มีฐานปฏิบัติการ “รังโจร” อยู่ที่รอยต่อระหว่างพื้นที่บางปอ อ.เมือง กับพื้นที่บางส่วนของ อ.ยี่งอ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ นอกจากนั้น หน่วยข่าวความมั่นคงยังพบว่า “เพจบีอาร์เอ็น” ที่อ้างว่าไม่ได้เป็นผู้สังหารคนทั้ง 3 ยังมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง คือ ภาษาอังกฤษเขียนไม่เหมือนกับที่ขบวนการบีอาร์เอ็นใช้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพจของหน่วยไอโอในพื้นที่ทำขึ้น เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้สร้างสถานการณ์

รายงานข่าวยังแจ้งด้วยว่า หลังจากที่บีอาร์เอ็นมีหน่วยงานเอ็นจีโอจากต่างประเทศ หรือ “เจนีวาคอลล์” เป็นที่ปรึกษา เป้าหมายในการฆ่าคนของบีอาร์เอ็นที่ปฏิบัติการแล้วไม่ผิดข้อตกลง คือ [1] ฆ่าเจ้าหน้าที่ [2] ฆ่าสายข่าว [3] ฆ่าผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาในระยะ 2 ปีหลัง จะเห็นว่าบีอาร์เอ็นจะลงมือกับเจ้าหน้าที่สายข่าว และผู้ค้ายาเสพติดที่เป็นมุสลิมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

ปฏิบัติการในเดือนรอมฎอนติดต่อกันหลายเหตุการณ์ ทั้งใน จ.ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส ครั้งนี้ บีอาร์เอ็นต้องการให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ใช้ความรุนแรงในการตอบโต้ต่อปฏิบัติการของบีอาร์เอ็น เพื่อให้เกิดการปะทะ การไล่ล่า การตรวจค้น และจับกุมชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นแนวร่วมระดับล่าง เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ สร้างความหวาดระแวง ความไม่พอใจให้แก่คนในพื้นที่ เพราะเดือนรอนฎอน คนที่นับถือศาสนาอิสลามที่เป็นคนส่วนใหญ่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบเพื่อการแสวงบุญ

รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงรายงานว่า พบความเคลื่อนไหวของกองกำลังติดอาวุธ หรือ “อาร์เคเค” เคลื่อนไหวอย่างคึกคักในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา และได้มีการแจ้งเตือนให้กำลังทหาร ตำรวจ และกองกำลังท้องถิ่น ระวังป้องกันการก่อเหตุรุนแรง ทั้งการซุ่มยิง และการใช้ระเบิดแสวงเครื่อง โดยมีการระบุพื้นที่ที่เชื่อว่าจะเป็นเป้าหมายในการก่อการร้าย สำหรับใน จ.สงขลา ยังเป็นพื้นที่ของ อ.เทพา กับ อ.สะบ้าย้อย เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง




กำลังโหลดความคิดเห็น