ปัตตานี - ศพฐ.10 เผยผลตรวจปลอกกระสุนจากเหตุยิงและเผารถยนต์พ่อค้าจนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ที่ปัตตานี พบเคยใช้ก่อเหตุมาแล้ว 5 คดี ขณะที่ประธานขบวนการพูโลออกมาปฏิเสธไม่ได้ก่อเหตุในครั้งบนี้
วันนี้ (26 เม.ย.) สำหรับความคืบหน้าของคดียิงและเผารถยนต์พ่อค้าบรรทุกสินค้า จนมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ ศพฐ.10 กล่าวว่า ปลอกกระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 5 ปลอก ที่ส่งตรวจ พบว่า ปลอกกระสุนปืนของกลางทั้ง 5 ปลอก ใช้ยิงมาจากปืน AK102 กระบอกเดียวกัน และตรวจพบว่าใช้ยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกันกับคดีอื่นที่มีประวัติเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลของ ศพฐ.10 จำนวนรวม 5 คดี
คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2561 ใช้ยิงสถานียุทธศาสตร์มะนังดาลำ ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ (ป.0274/2561) รายการที่ 2 จำนวน 18 ปลอก
คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2562 เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายคอเดร์ มะแด อายุ 63 ปี ขณะกินน้ำชาที่ร้านน้ำชาไม่มีเลขที่ ตรงข้ามมัสยิดดารูลราห์มาห์ ม.3 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนีไป (ป.1293/2562) จำนวน 11 ปลอก
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2562 คนร้ายยิง นายสมเดช ขาวงาม และนายเป้ ตันมงคล ขณะขับขี่รถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ เพื่อจะส่งรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าที่ หจก.นราธิวาสสหมิตรมอเตอร์ ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส เหตุเกิดบนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส ม.5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี (ป.1639/2562) กระบอกที่ 3 จำนวน 6 ปลอก
คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2563 คนร้ายใช้ยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ ต่อมาพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสถานที่เกิดเหตุ เกิดเหตุระเบิดขึ้นห่างจากจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานถูกยิงประมาณ 50 เมตร ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย (ป.1356/2563) กระบอกที่ 4 จำนวน 6 ปลอก และ
คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 24 เม.ย.64 ก่อเหตุยิงและเผาริมถนนสาย 42 ฝั่งขาไปนราธิวาส ม.5 ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดขนาด (ป.1356/2563) จำนวน 5 ปลอก
ขณะที่ นายกัสตูรี มะโกตา ประธานขบวนการพูโล PULO ได้ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และขอประณามต่อการกระทำที่เป็นเหตุให้พลเรือนต้องเสียชีวิต 3 ราย ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมยังได้มีข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่
1.เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต
2.ให้นำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม
