xs
xsm
sm
md
lg

“ดีป้า” จับมือเอกชนขยายโครงการ “ท่าเรืออัจฉริยะ” อีก 4 แห่งในภูเก็ต สร้างความเชื่อมั่นท่องเที่ยวทางทะเล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จับมือเอกชนทุ่มเงินลงทุนอีก 40 ล้าน ขยายโครงการ “ท่าเรืออัจฉริยะ” ในภูเก็ตอีก 4 ท่า หลังนำร่องท่าเรืออ่าวปอ ด้วยระบบลงทะเบียนและติดตามตัว หวังสร้างความมั่นใจท่องเที่ยวทางทะเลอย่างปลอดภัย



นายประชา อัศวธีระ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ภาคใต้ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า กล่าวถึงการพัฒนาท่าเรือท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเป็นท่าเรืออัจฉริยะ รองรับการท่องเที่ยวทางทะเล ว่า ดีป้าได้ร่วมกับภาคเอกชนในการจัดทำโครงการท่าเรืออัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทางทะเล โดยก่อนหน้านี้ ได้เข้าไปดำเนินการที่ท่าเรืออ่าวปอ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นท่าเรือนำร่อง โดยร่วมกับบริษัท พัชรี ทัวร์ จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานท่าเรืออ่าวปอ และเอกชนที่เป็นสตาร์ทอัป

โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้บริหารจัดการท่าเทียบเรือ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบลงทะเบียน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวหรือเจ้าของเรือกรอกข้อมูลรายชื่อผู้โดยสาร กัปตัน ลูกเรือ รวมถึงชื่อเรือ และเส้นทางเดินเรือก่อนเรือออกจากท่าในแต่ละวัน จากนั้นระบบจะรายงานข้อมูลต่างๆ ให้กรมเจ้าท่าดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและจัดเก็บข้อมูลเพื่อเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีประตูอัตโนมัติ ตู้อุปกรณ์ (Kiosk) ลงทะเบียนผู้โดยสารหน้าท่าเรือ พร้อมกล้องซีซีทีวีตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจจับใบหน้า เครื่องอ่านบัตรประชาชนและหนังสือเดินทาง รวมถึงให้บริการสายรัดข้อมือติดตามตัวบุคคลและร้องขอความช่วยเหลือเมื่อประสบภัย

“แพลตฟอร์มทั้งหมดถูกออกแบบมาในลักษณะ One Stop Service ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลด้านประกันภัยแบบอัตโนมัติเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถนำสายรัดข้อมือยืนยันการเคลมประกันกับโรงพยาบาลได้โดยไม่จำเป็นต้องติดต่อประกันภัยหรือนำเอกสารยืนยันตัวตนยื่นก่อนการรักษา ซึ่งเป็นการช่วยลดขั้นตอนและระยะเวลาอย่างมาก” นายประชา กล่าวและว่า


หลังจากที่ประสบความสำเร็จที่ท่าเรืออ่าวปอแล้ว ทางดีป้ามีโครงการที่จะขยายโครงการท่าเรืออัจฉริยะออกไปอีก 4 ท่าเรือท่องเที่ยวหลักๆ ในภูเก็ต ประกอบด้วย ท่าเรือราไวย์ ท่าเรือโบ๊ทลากูน ท่าเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า และท่าเรือเอเชีย มารีน่า เนื่องจากท่าเรือทั้ง 4 แห่งนี้มีปริมาณนักท่องเที่ยวใช้บริการอยู่ในอันดับต้นๆ ของภูเก็ต และในส่วนของท่าเรืออ่าวฉลอง ซึ่งแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก อยู่ในการบริหารของ อบจ.ภูเก็ต ซึ่ง อบจ.ภูเก็ต มีโครงการที่จะดำเนินการเอง

โดยขณะนี้ทางดีป้าได้ลงนาม MOU กับท่าเรือทั้ง 4 แห่งแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการดีป้าในการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าไปดำเนินการทั้ง 4 ท่าเรือได้ในเดือน พ.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายให้เสร็จในเดือน ต.ค.-พ.ย.ที่จะถึงนี้ เพื่อรองรับการเปิดจังหวัดภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตจะชื่นชอบการท่องเที่ยวทางทะเลเป็นหลักอยู่แล้ว


นายประชา กล่าวต่อว่า การดำเนินการท่าเรือทั้ง 4 แห่งนี้จะเป็นลักษณะเดียวกับท่าเรืออ่าวปอ คือ ระบบการลงทะเบียนด้วยตัวเอง และ สายรัดข้อมือเพื่อติดตามตัว ทั้งนี้ เพื่อต้องการรู้ให้ได้ว่าเรือแต่ละลำที่ออกจากท่าเรือมีนักท่องเที่ยวกี่คน และเป็นใครบ้าง และจะขยายไปยังท่าเรือทุกท่าในภูเก็ตที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมเจ้าท่า และหากท่าเรือที่นักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก 7-8 ท่า สามารถดำเนินการในเป็นท่าเรืออัจฉริยะได้ จะครอบคลุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้ท่าเรือในภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 6-7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 60-70 ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือว่าครอบคลุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาภูเก็ตและใช้บริการท่าเรือต่างๆ ในการท่องเที่ยวทางทะเล

“ที่ผ่านมา ภูเก็ตจะประสบปัญหาเรื่องข้อมูลของนักท่องเที่ยวที่ลงเรือไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ กรณีที่เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม ทางหน่วยงานต่างๆ จะไม่รู้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงเรือไปในแต่ละลำว่าจำนวนเท่าไหร่ มีใครบ้าง มีประกันครบทุกคนหรือไม่ ทำให้เกิดปัญหาในการให้การช่วยเหลือ” นายประชา กล่าวและว่า


กรณีเรือฟินิกซ์ล่มนั้นเป็นกรณีตัวอย่างถึงความไม่ชัดเจนในเรื่องของข้อมูลนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ ทำให้การบริหารจัดการและการให้การช่วยเหลือมีปัญหา แต่หากมีระบบดังกล่าวปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข เพราะหากเกิดอุบัติเหตุทางเรือขึ้นเราจะรู้ว่าทันทีว่า เรือลำดังกล่าวมีใครไปบ้าง และจำนวนเท่าไหร่ รวมไปถึงจุดที่ต้องเข้าให้การช่วยเหลือ เพราะมีระบบติดตามตัวที่เป็นสายรัดข้อมือที่รัศมีครอบคลุมภูเก็ต อ่าวพังงา ไปจนถึงเกาะพีพี จ.กระบี่ ทำให้การช่วยเหลือทำได้รวดเร็วขึ้น ลดการสูญเสียชีวิต รวมไปถึงภูเก็ตยังสามารถที่จะบอกให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า เรามีการยกระดับความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวภูเก็ต ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวทางทะเลของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี

นายประชา กล่าวในตอนท้ายว่า การลงทุนท่าเรืออัจฉริยะทั้ง 4 แห่งนี้ ทางดีป้าใช้งบประมาณในการสนับสนุนประมาณ 10 ล้านบาท และเป็นการลงทุนโดยเอกชนอีก 30 ล้านบาท




กำลังโหลดความคิดเห็น