สุราษฎร์ธานี - ชาวเกาะสมุยตื่นตัวสวมหน้ากากอนามัย ภายหลังยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ยังพุ่ง แต่ชาวต่างชาติยังเฉย ด้านผู้ว่าฯ ออกคำสั่ง ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าก่อนออกจากบ้าน ปรับ 20,000 บาท
วันนี้ (20 เม.ย.) จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอำเภอเกาะสมุย ยังมีความเสี่ยง พบยังมีจำนวนยอดผู้ป่วยติดเชื้อรักษาตัวในโรงพยาบาลเกาะสมุย กว่า 36 คน ทำให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอเกาะสมุยต้องตื่นตัว โดยพบว่าบริเวณหน้าตลาดชุมชนบ้านแม่น้ำ หมู่ 1 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย ประชาชนออกจากบ้าน ขับขี่รถจักรยานยนต์มีการสวมหน้ากากอนามัยอย่างมิดชิด ขณะที่ภายในตลาดสด พบว่า แม่ค้าพ่อค้า รวมทั้งประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาดสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน โดยพบว่ามีอาสาสมัครยืนคอยโบกรถและอำนวยความสะดวก หากพบประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยเข้ามายังตลาด ก็จะเตือนและทำความเข้าใจ แต่ยังพบว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่มาอาศัยบนเกาะสมุย ยังขาดจิตสำนึกไม่สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกจากบ้าน ซึ่งพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่ภายในตลาดสดได้มี อสม. และผู้เกี่ยวข้องในตลาดได้ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอความร่วมมือประชาชน แม่ค่า พ่อค้าให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะอยู่ในที่ชุมชนอย่างเช่นในตลาด หากพบว่าประชาชนหรือพ่อค้าแม่ค้าไม่ให้ความร่วมมือจะไม่ให้เข้ามาเดินในตลาด เนื่องจากหวั่นเกรงจะนำเชื้อมาติด จึงได้เร่งประชาสัมพันธ์กันอย่างจริงจัง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ทุกคนปฏิบัติตามให้ความร่วมมือร่วมใจสวมหน้ากากอนามัยกันทุกคน
สำหรับยอดจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเกาะสมุย ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา มียอดผู้ป่วยรักษาสะสมในโรงพยาบาล จำนวน 36 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาลเกาะพะงัน จำนวน 9 ราย ในโรงพยาบาลตำบลเกาะเต่าจำนวน 2 ราย ซึ่งพบว่าในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน ยังมียอดผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ที่ สฎ 0018.1/ว 2594 ลงวันที่ 19 เมษายน 2564 ถึงหัวหน่วยงาน นายอำเภอทุกอำเภอ และนายกเทศมนตรีทุกแห่ง เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเป็นรูปธรรม จึงมีคำสั่งให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนักของตน
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งการดำเนินการตามคำสั่งนี้เป็นกรณีที่มีสถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยเนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง