xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ฯ จัดประชุมสามัญประจำปี กงสุลใหญ่จีนให้เกียรติร่วมงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย (สนต.) จัดประชุมสามัญประจำปี สมาชิกเข้าร่วมคับคั่ง กงสุลใหญ่จีนประจำจังหวัดสงขลา ร่วมให้เกียรติปรึกหารือด้านต่างๆ พร้อมมอบทุนช่วยเหลือการศึกษา 50,000 บาทให้แก่สมาชิกฯ

วานนี้ (31 มี.ค.) ที่ห้องกรุงเทพ โรงแรมบีพี แกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย (สนต.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อรายงานกิจกรรมในรอบปีที่ผ่านมา การถ่ายทอดความรู้เรื่องกฎหมายที่สื่อต้องรู้ มอบทุนการศึกษา สังสรรค์สัมพันธ์ในภาคค่ำ โดยมีสมาชิกเข้าร่วมเกือบ 100 คน โดยขั้นตอนได้ปฏิบัติตาม New normal เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 และมี นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ เป็นประธาน

พร้อมกันนั้น นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล และคณะกรรมการสมาคมฯ ได้ให้การต้อนรับ ฯพณฯ นายหม่า เฟิ่งชุน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดสงขลา ที่ให้เกียรติมาร่วมงาน และมอบเงิน จำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษา และทั้งสองฝ่ายได้ร่วมปรึกษาหารือกันในประเด็นต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ การแพร่ระบาดของโรควิด-19 การศึกษา การท่องเที่ยว ความปลอดภัย และการประชาสัมพันธ์


นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้ กล่าวชี้แจงให้ท่านกงสุลทราบว่า ในภาคใต้นั้นหากไม่มีโรคระบาดโควิด-19 แล้ว เชื่อว่าการท่องเที่ยวในภาคใต้ นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามามากในอันดับต้นๆ ที่ผ่านมาเรามีปัญหาเรื่องการท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่ก็แก้ไขได้ คิดว่าในอนาคตเราจะสามารถสร้างความเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวไทย-จีนในภาคใต้ให้ดีกว่าเดิม เพราะจริงๆ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นของการท่องเที่ยวนั้นเกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน

ส่วนทางด้านความปลอดภัยนั้น นายกสมาคมฯ ชี้แจงต่อกงสุลใหญ่จีนฯ ว่า ในบรรดาเพื่อนบ้านทั้งหมดนั้น แม้ว่าประเทศจีนจะอยู่ไกลจากบ้านเรา แต่จริงๆ แล้วเรากับประเทศจีนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกว่าเพื่อนบ้านบางประเทศที่อยู่ใกล้เคียงเสียอีก เพราะเราเปรียบเสมือนเป็นร่างเดียวกัน

“ที่สำคัญ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระองค์ท่านเปรียบเหมือนสะพานที่เชื่อมให้ 2 ประเทศสัมพันธ์ยิ่งขึ้น เมื่อครั้งที่ผมเองไปเยือนประเทศจีน ทุกครั้งจะพบว่าชาวจีนต่างชื่นชมพระองค์ท่าน และจะเรียกพระองค์ท่านว่า “กงจู้” ซึ่งผมก็ภาคภูมิใจ และเวลาผมไปจะกลัดเข็มกลัดเครื่องหมายของพระองค์ท่านไว้ตลอด เพราะผมเชื่อว่าคนจีนส่วนใหญ่รู้จักพระองค์ท่าน”

ในประเด็นการสื่อสารมวลชนนั้น นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ฯ ชี้แจงว่า นักข่าวไทยหรือทั่วโลกจะสนใจในข่าวสารด้านลบ เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องนำเสนอเอง อย่าถามว่าเขาสนใจอะไร แต่เราสนใจที่จะนำเสนอเรื่องราวอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศจีน ให้คนรับสื่อได้รับทราบ

“คนไทยที่เดินทางไปประเทศจีน มีอยู่ 3 เรื่อง คือประการแรกการท่องเที่ยว ไปเรียนหนังสือ และไปทำมาค้าขาย คนไทยเรารู้จักสถาบันขงจือ เพราะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะไปแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา หรือได้ทุนไปเรียนฟรีที่ประเทศจีน ดังนั้น สิ่งที่ประเทศจีนนำเสนอข่าวสารนั้น ขอให้เน้นในเรื่อง 3 เรื่องที่กล่าวมา อยากให้ท่านกงสุลเขียนแผนมา มีกิจกรรมอะไรเชิญมา ทางสมาคมหนังสือพิมพ์ฯ พร้อมที่จะไปดำเนินการทันที”


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดสงขลา ในครั้งนี้ ได้สร้างบรรยากาศในการร่วมพูดคุยที่เป็นกันเอง สร้างความรัก ความสามัคคี และความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ที่สำคัญท่านกงสุลได้ให้เกียรติไปพบปะสื่อมวลชนในห้องประชุม โดยได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง พร้อมกันนั้น ท่านกงสุลได้กล่าวถึงความรู้สึก และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

“ได้รับทราบจากคุณไชยยงค์ ว่ามีการประชุมกันปีละครั้ง ผมเองเป็นกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำจังหวัดสงขลา ได้มีโอกาสเดินทางไปจังหวัดต่างๆ พบว่าผู้คนให้ความสนใจกับประเทศจีนมาก ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้ความสำคัญกับประเทศจีน”

“เมื่อปีที่แล้วเป็นปีครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ผมได้พบกับคุณไชยยงค์ และคุณไชยยงค์ ได้นำเอาบทความที่ผมเขียนลงในสื่อประชาสัมพันธ์ให้ด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกิดจากสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้ความสำคัญ และมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น”

กงสุลใหญ่สาธารณรัฐจีน ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ได้ส่งผลกระทบไปตามๆ กัน ตนเองได้เดินทางไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมปรึกษาหาด้วยกันในเรื่องการท่องเที่ยว อยากให้พี่น้องภาคใต้ทุกคนได้รับวัคซีน และเอาชนะโรคโควิด-19 ไปด้วยกัน

“คาดหวังว่าจะมีนโยบาย 1 แถบ 1 เส้นทาง (One Belt, One Road) ของจีน ย่อมจะเกิดประโยชน์ร่วมกัน ส่งผลให้คนจีนมาเที่ยวประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และประเทศจีนเองยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน”




กำลังโหลดความคิดเห็น