xs
xsm
sm
md
lg

ภาพฝันร่วม “ผู้นำหน่วยมั่นคง” กับ “ไอซีอาร์ซี” ระวังชัยชนะแปรเป็นหายนะที่ชายแดนใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จุดคบไฟใต้ / โดย... ไชยยงค์ มณีพิลึก

แล้วก็เป็นอย่างที่เคยเขียนไว้ คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ที่ยอมถอนสำนักงานออกจาก จ.ปัตตานี เป็นเพียงการ “ถอยเพื่อรุก” เพราะเวลานี้มาตั้งสำนักงานใหม่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เรียบร้อยแล้ว

จริงๆ แล้วท่าทีของไอซีอาร์ซีไม่ได้มีลับลมคมในอะไร ทำทีว่ายอมทำตาม กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาตลอด เพียงเพราะต้องการช่วยรักษาหน้าและน้ำใจเห็นว่ายังมี “น้ำยา” อยู่บ้างในสายตาของคนทั่วไป

แต่สุดท้ายก็ใช้ที่ปรึกษาระดับ “ท่านนายพล” นอกราชการวิ่งล็อบบี้ตัวแทนจากทั้ง 2 หน่วยงานส่วนกลางได้สำเร็จ โดยเฉพาะการกล่อมให้เห็นดีเห็นงามด้วยว่าเราจะได้ประโยชน์ด้านความรู้เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพของไอซีอาร์ซี

สื่อนัยว่าจะใช้ฝรั่งหัวแดงให้เป็นประโยชน์บ้าง ซึ่งต้องดูกันยาวๆ ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะได้คืออะไร คุ้มค่าไหม หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มสู่การสูญเสียดินแดนครั้งใหม่ใน พ.ศ.2564 นี่ก็เป็นได้

แถมคนที่จะได้ประโยชน์จากฝรั่งหัวแดงอาจจะไม่ใช่ หน่วยงานความมั่นคงไทย ด้วยล่ะสิ แต่เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไปเข้าทาง บีอาร์เอ็น เสียมากกว่า

ต้องไม่ลืมว่านับตั้งแต่ ไอซีอาร์ซี และ เจนีวาคอลล์ เข้ามามีบทบาทในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในฐานะพี่เลี้ยงที่ให้การฟูมฟักบีอาร์เอ็น ทั้งในปีกทหารที่อยู่ฝั่งมาเลเซียและในปีกการเมืองที่ปักหลักอยู่ไทย ได้ช่วยยกภาพลักษณ์จาก “โจรก่อการร้าย”ให้กลายเป็น “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ที่มีประทับตรารองรับแล้วทั้งจาก “องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)” และ “สหประชาชาติ (UN)” ไปแล้ว

ที่ยังเหลือเพียงอย่างเดียวที่บีอาร์เอ็นพยายามที่จะเคลมแล้ว แต่ยังไม่เป็นผล นั่นคือการได้รับ “ฉันทานุมัติ” จากประชาชนในชายแดนใต้ให้เป็น “ตัวแทน” ของคนเชื้อชาติมลายูในพื้นที่ทำการ “เจรจาสันติภาพ” กับรัฐไทยเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ต้องการ

ส่วนเงื่อนไขที่ว่านั้นจะออกมารูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งคือ “แบ่งแยกดินแดน” หรือไม่ก็เป็น “เขตปกครองตนเอง” เรื่องนี้บีอาร์เอ็นล้วนยอมรับได้ แต่จะให้ยอมสลายโครงสร้างองค์กรและกองกำลัง พร้อมเก็บพับอุดมการณ์เข้าลิ้นชักคงไม่ใช่เวลานี้แน่นอน

หากติดตามปฏิบัติการหลังมีดีลกันระหว่างนายทหารระดับสูงจากกองทัพในส่วนกลางกับผู้บริหารไอซีอาร์ซีที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จะพบความจริงว่าความสำเร็จกลับเป็นของฝ่ายไอซีอาร์ซีเสียมากกว่า เพราะเป็นไปตามเกมที่วางเอาไว้ตั้งแต่ปี 2563

ตัวอย่างเช่นในปลายเดือนมีนาคม 2564 นี้ไอซีอาร์ซียังได้สิทธิจัดอบรมให้ความรู้เรื่องกระบวนการสันติภาพกับ “ผบ.หน่วยความมั่นคง” ในชายแดนใต้ ซึ่งเป็นนโยบายเดิมที่เคยดำเนินการไว้แล้ว เพียงแต่เลื่อนการจัดมาจากเมื่อปลายปี 2563

การที่ระดับ ผบ.หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ต้องเข้ารับการอบรมดังกล่าว ทำให้ไอซีอาร์ซีนำไปเคลมได้ว่า ฝ่ายรัฐไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกระบวนการสันติภาพ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รัฐจึงยังใช้ความรุนแรงต่อเนื่องมา อย่างที่บรรดาฝรั่งหัวแดงระบุไว้ในรายงานมาตลอดว่า เป็นการทำ “อาร์มคอนฟิก” นั่นแล

จริงๆ ก็ไม่อยากจะติเรือทั้งโกลน ไม่อยากเขียนว่าเรากำลังเสียรู้ฝรั่ง เพราะยังมีอีกหลายบททดสอบที่จะติดตามมา โดยเฉพาะหลังผู้นำหน่วยได้รับการอบรมจากไอซีอาร์ซีแล้ว บทบาทต่อไปคือจะได้ยกทัพไปเที่ยวและดูงานเรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพที่กรุงเจนีวา

และท้ายที่สุดบรรดา “นายทหารไทย” เหล่านี้ก็จะได้รับวุฒิบัตรการันตีว่า เป็นผู้รู้ในกระบวนการสร้างสันติภาพ ในขณะบีอาร์เอ็นเองก็ได้รับยกระดับจาก “โจรก่อการร้าย”ให้เป็น “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ที่มีบรรดาองค์การทางศาสนาและการเมืองให้การรับรอง

และที่สำคัญมากคือ ไอซีอาร์ซีก็จะได้รับการการันตีจาก “กองทัพ”ให้เป็น “คนกลาง” ในการไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งระหว่างรัฐไทยกับบีอาร์เอ็น อันเป็นไปตามที่ไอซีอาร์ซีปรารถนาทุกประการนั่นเอง

สุดท้ายแล้วอาจจะมีมุมมองร่วมกันว่า บทบาททุกฝ่ายก็จะจบลงด้วย “วิน-วินเกม” ไปตามระเบียบ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความหวาดวิตกจากผู้ที่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบาง พวกเขาต่างชี้ว่าเส้นทางที่ว่านี้มีมากมายไปด้วย “หลุมพราง” ถ้าฝ่ายใดเดินผิดก็จะเป็นการถลำลึกไปทันที และอาจจะเป็นการนำแผ่นดินปลายด้ามขวานสู่ความหายนะครั้งใหม่อีกครั้งก็เป็นได้

ในฐานะหุ้นส่วนประเทศด้วยเช่นกัน ผู้เขียนได้แต่ขอบอกกับคนไทยและโดยเฉพาะพี่น้องชาวชายแดนใต้ไว้ ณ ที่นี้ว่า โปรดจงช่วยกันติดตามและจับตาสถานการณ์อย่างรู้เท่าทัน เพราะผู้ที่ยอมก้มหัวให้แก่ฝรั่งมังค่าเมื่อหมดอำนาจแล้วก็จากไป แต่คนที่ยังอยู่อาจจะต้องรับชะตากรรมที่เกิดขึ้นไปอีกนาน


กำลังโหลดความคิดเห็น