ชุมพร - แม่และญาตินำศพ “น้องออย” เมียนายสุเมธ ที่ถูกสามียิงเสียชีวิตหนีคดีฉ้อโกงกลับมาทำพิธีทางศาสนาที่ จ.ชุมพร เผยยังทำใจไม่ได้ ก่อนตายโทร.หาแม่พูดเป็นลางจะได้กลับบ้านมาอยู่กับแม่แล้ว
จากกรณีที่นายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี ใช้อาวุธปืนจ่อยิง น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ หรือน้องออย อายุ 23 ปี ภรรยา และ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี ภรรยาน้อยตาย ก่อนใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงตัวเองตายตาม รวม 3 ศพ โดยเหตุเกิดขึ้นที่คอนโดหรู กลางเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากคนร้ายไม่ยอมให้ตำรวจจับกุมและไม่มอบตัว แม้เจ้าหน้าที่และญาติจะพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 08.10 น.วันนี้ (8 มี.ค.) ที่วัดกาลพัฒนาการาม หรือวัดหนองจระเข้ หมู่ 5 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร น.ส.นิภาพร เสียบศักดิ์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เดินทางไปรับศพของ น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ ลูกสาว มาบำเพ็ญกุศลจัดพิธีทางศาสนา มีญาติๆและเพื่อนบ้านมาช่วยงานจำนวนหนึ่ง
น.ส.นิภาพร แม่ของ น.ส.วิชชุดา “น้องออย” เสี่ยมศักดิ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกำลังขายของอยู่ในตลาดบางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ได้มีตำรวจได้โทร.มาบอกว่าให้เดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ ด่วนเพื่อมาช่วยเจรจากับนายสุเมธ ซึ่งเป็นลูกเขยที่จับตัว น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ ภรรยา และ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ ไว้เป็นตัวประกัน โดยนายสุเมธ มีอาวุธปืนและขู่จะฆ่าทิ้งหมดทุกคน
“เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินทางไป จ.เชียงใหม่ทันที แต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดคุยกับลูกเขย ได้มีญาติโทร.มาบอกว่า นายสุเมธ และคนอื่นๆ ได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้ตนเองถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะเหลือระยะทางอีกเพียงไม่ถึง 100 เมตร ก็จะได้มีพูดคุยเกลี้ยกล่อมลูกเขยแล้ว ซึ่งคาดว่าลูกเขยจะใจเย็นลงและเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยหวังว่าจะรับเอาลูกและหลานกลับมา ส่วนคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่คิดว่าจะต้องมารับลูกในลักษณะที่ไม่มีลมหายใจแล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังเหลือหลานไว้” น.ส.นิภาพร กล่าว
น.ส.นิภาพร กล่าวว่า สำหรับลูกเขยนั้นตนเองไม่รู้ว่าทำงานอะไร รู้จักกับน้องออย ลูกสาวตนได้อย่างไร เพราะตนเองไม่อยากจะก้าวก่ายชีวิตลูกและครอบครัวเขามากนัก แต่ก็รู้จากปากของลูกเขยเพียงว่าทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อะไรประมาณนั้น และที่ผ่านมา ทั้งคู่ดูมีความสุขดี ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ค่อยได้มาหาตนเท่าไหร่ แต่ถ้ามาก็จะขับรถหรูมา และเมื่อมาก็จะอยู่ไม่กี่วัน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันน้องออย บอกตนว่า น้องออย ฝันว่าจะได้กลับมาอยู่กับแม่แล้ว ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นลางร้าย
น.ส.นิภาพร กล่าวต่อว่า ตนเองมารู้ว่าสาเหตุของปัญหาในครั้งนี้เนื่องจากลูกเขยได้ไปสร้างปัญหาเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ที่ฉ้อโกงมา ซึ่งตนเชื่อว่าลูกสาวนั้นไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะลูกสาวนั้นเป็นคนดีรักครอบครัวมาก ไม่เคยเห็นลูกสาวแตะต้องในสิ่งที่ไม่ดีเลย ส่วนที่มีคนพูดต่างๆ นานานั้นเราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ตนเองไม่ว่าเขา และตนเองไม่อยากจะเอามาใส่ใจ และไม่อยากรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการสูญเสียในครั้งนี้มันเจ็บปวดมากเพียงพอแล้ว
ขณะที่ทาง น.ส.ภาวนา อุ่นภิรมย์ อายุ 62 ปี และ น.ส.แพรวา สินธุเสน อายุ 50 ปี ซึ่งทั้งสองมีศักดิ์ เป็นป้าแท้ๆ ของน้องออย ยอมรับว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังทำใจไม่ได้ และรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันเร็วเกินไป ได้พูดคุยกับหลานและได้อุ้มเหลนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มารู้ข่าวอีกทีหลานถูกสามียิงเสียชีวิตแล้ว และช่วงก่อนเกิดเหตุตนเองก็เดินทางไปกับแม่น้องออย ด้วย เพื่อจะไปรับหลานและเหลนกลับมาอยู่บ้านที่ จ.ชุมพร กลับกลายต้องไปรับศพหลานมาทำบุญซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น
“และตนเองยังมองว่าเมื่อสามีเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา ก็ควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำ ไม่ใช่ว่าจะทำร้ายคนอื่นไปด้วย และยิ่งในการก่อเหตุในครั้งนี้ แม้จะไม่ทำร้ายลูกของเขาเองก็ตาม แต่ก็ไม่ควรทำร้ายภรรยาของเขา ควรจะปล่อยภรรยาไว้เพื่อจะได้อยู่เลี้ยงลูก ไม่ใช่ฆ่าหมด จะได้หมดปัญหา” ญาติทั้งสองกล่าว
สำหรับงานบำเพ็ญกุศลน้องออย ทางผู้เป็นแม่และญาติๆ ได้ตกลงสวดพระอภิธรรมและกำหนดพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคมนี้
จากกรณีที่นายสุเมธ ครองวงศ์ อายุ 25 ปี ใช้อาวุธปืนจ่อยิง น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ หรือน้องออย อายุ 23 ปี ภรรยา และ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ อายุ 18 ปี ภรรยาน้อยตาย ก่อนใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงตัวเองตายตาม รวม 3 ศพ โดยเหตุเกิดขึ้นที่คอนโดหรู กลางเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากคนร้ายไม่ยอมให้ตำรวจจับกุมและไม่มอบตัว แม้เจ้าหน้าที่และญาติจะพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่เป็นผล
โดยล่าสุด เมื่อเวลา 08.10 น.วันนี้ (8 มี.ค.) ที่วัดกาลพัฒนาการาม หรือวัดหนองจระเข้ หมู่ 5 ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร น.ส.นิภาพร เสียบศักดิ์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ อายุ 23 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เดินทางไปรับศพของ น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ ลูกสาว มาบำเพ็ญกุศลจัดพิธีทางศาสนา มีญาติๆและเพื่อนบ้านมาช่วยงานจำนวนหนึ่ง
น.ส.นิภาพร แม่ของ น.ส.วิชชุดา “น้องออย” เสี่ยมศักดิ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกำลังขายของอยู่ในตลาดบางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ได้มีตำรวจได้โทร.มาบอกว่าให้เดินทางมาที่ จ.เชียงใหม่ ด่วนเพื่อมาช่วยเจรจากับนายสุเมธ ซึ่งเป็นลูกเขยที่จับตัว น.ส.วิชชุดา เสี่ยมศักดิ์ ภรรยา และ น.ส.อาณดา ปิยะรักษ์ ไว้เป็นตัวประกัน โดยนายสุเมธ มีอาวุธปืนและขู่จะฆ่าทิ้งหมดทุกคน
“เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินทางไป จ.เชียงใหม่ทันที แต่ก็ไม่ทันที่จะได้พูดคุยกับลูกเขย ได้มีญาติโทร.มาบอกว่า นายสุเมธ และคนอื่นๆ ได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้ตนเองถึงกับทำอะไรไม่ถูก เพราะเหลือระยะทางอีกเพียงไม่ถึง 100 เมตร ก็จะได้มีพูดคุยเกลี้ยกล่อมลูกเขยแล้ว ซึ่งคาดว่าลูกเขยจะใจเย็นลงและเป็นไปในทางที่ดีขึ้น โดยหวังว่าจะรับเอาลูกและหลานกลับมา ส่วนคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่คิดว่าจะต้องมารับลูกในลักษณะที่ไม่มีลมหายใจแล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังเหลือหลานไว้” น.ส.นิภาพร กล่าว
น.ส.นิภาพร กล่าวว่า สำหรับลูกเขยนั้นตนเองไม่รู้ว่าทำงานอะไร รู้จักกับน้องออย ลูกสาวตนได้อย่างไร เพราะตนเองไม่อยากจะก้าวก่ายชีวิตลูกและครอบครัวเขามากนัก แต่ก็รู้จากปากของลูกเขยเพียงว่าทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อะไรประมาณนั้น และที่ผ่านมา ทั้งคู่ดูมีความสุขดี ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด แต่ไม่ค่อยได้มาหาตนเท่าไหร่ แต่ถ้ามาก็จะขับรถหรูมา และเมื่อมาก็จะอยู่ไม่กี่วัน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งก่อนเกิดเหตุไม่กี่วันน้องออย บอกตนว่า น้องออย ฝันว่าจะได้กลับมาอยู่กับแม่แล้ว ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นลางร้าย
น.ส.นิภาพร กล่าวต่อว่า ตนเองมารู้ว่าสาเหตุของปัญหาในครั้งนี้เนื่องจากลูกเขยได้ไปสร้างปัญหาเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ที่ฉ้อโกงมา ซึ่งตนเชื่อว่าลูกสาวนั้นไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะลูกสาวนั้นเป็นคนดีรักครอบครัวมาก ไม่เคยเห็นลูกสาวแตะต้องในสิ่งที่ไม่ดีเลย ส่วนที่มีคนพูดต่างๆ นานานั้นเราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้ ตนเองไม่ว่าเขา และตนเองไม่อยากจะเอามาใส่ใจ และไม่อยากรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะการสูญเสียในครั้งนี้มันเจ็บปวดมากเพียงพอแล้ว
ขณะที่ทาง น.ส.ภาวนา อุ่นภิรมย์ อายุ 62 ปี และ น.ส.แพรวา สินธุเสน อายุ 50 ปี ซึ่งทั้งสองมีศักดิ์ เป็นป้าแท้ๆ ของน้องออย ยอมรับว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังทำใจไม่ได้ และรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันเร็วเกินไป ได้พูดคุยกับหลานและได้อุ้มเหลนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มารู้ข่าวอีกทีหลานถูกสามียิงเสียชีวิตแล้ว และช่วงก่อนเกิดเหตุตนเองก็เดินทางไปกับแม่น้องออย ด้วย เพื่อจะไปรับหลานและเหลนกลับมาอยู่บ้านที่ จ.ชุมพร กลับกลายต้องไปรับศพหลานมาทำบุญซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น
“และตนเองยังมองว่าเมื่อสามีเป็นคนก่อเรื่องขึ้นมา ก็ควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำ ไม่ใช่ว่าจะทำร้ายคนอื่นไปด้วย และยิ่งในการก่อเหตุในครั้งนี้ แม้จะไม่ทำร้ายลูกของเขาเองก็ตาม แต่ก็ไม่ควรทำร้ายภรรยาของเขา ควรจะปล่อยภรรยาไว้เพื่อจะได้อยู่เลี้ยงลูก ไม่ใช่ฆ่าหมด จะได้หมดปัญหา” ญาติทั้งสองกล่าว
สำหรับงานบำเพ็ญกุศลน้องออย ทางผู้เป็นแม่และญาติๆ ได้ตกลงสวดพระอภิธรรมและกำหนดพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคมนี้
