ตรัง - อดีตพนักงานเอกชนที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจกลับบ้านเกิดที่ ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง เพื่อดูแลพ่อ และผันตัวเองเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ ด้วยการโค่นยางปลูก “พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน” ส่งขายออนไลน์ ออเดอร์เพียบ
นายกิตติ ศิริรัตนบุญชัย อายุ 41 ปี อดีตพนักงานบริษัทที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาดูแลพ่อ และหันมาทำเกษตรแนวใหม่ ด้วยการพลิกพื้นที่จากการปลูกยางพารา มาปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนกว่า 800 ต้น บนเนื้อที่ 2 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 7 บ้านเขาเพดาน ใกล้สามแยกต้นชด ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง เป็นระยะเวลา 6 ปีแล้ว ซึ่งเหมาะที่เกษตรกรจะปลูกเป็นอาชีพเสริม เนื่องจากพริกไทยจะออกผลปีละครั้งในช่วงต้นปี หรือช่วงหน้าแล้ง อีกทั้งยังปลูกไม่ยาก ไม่ต้องดูแลมากนัก เพราะพื้นที่ภาคใต้เป็นเขตร้อนชื้น จึงมีปัจจัยหลายอย่างเอื้อต่อการปลูกพริกไทย เพียงแค่ต้องเข้าใจเรื่องการปลูกเท่านั้น และล่าสุด พริกไทยกำลังให้ผลผลิตเต็มต้น โดยพริกไทย 1 ต้น จะสามารถผลิตเป็นพริกไทยแห้งได้เฉลี่ยประมาณ 4-5 กิโลกรัม และจำหน่ายได้ใน 2 รูปแบบ คือ เมล็ดพริกไทยดำ กิโลกรัมละ 400 บาท และเมล็ดพริกไทยขาว กิโลกรัมละ 1,000 บาท
ทั้งนี้ การทำพริกไทยดำจะเริ่มจากการนำเมล็ดมาล้างจนสะอาด แล้วแช่น้ำเกลือ 20 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรคบางอย่าง และล้างน้ำอีกรอบ ก่อนนำไปตากในโรงเรือนที่เป็นระบบปิด เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้ามา และเก็บทุกช่วงเย็นของวัน เพื่อไม่ให้มีความชื้นในเมล็ด ส่วนการทำพริกไทยขาว จะต้องใช้พริกไทยที่เมล็ดสีแดง หรือสุกจัดแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วขยี้เปลือกออก ล้างน้ำ และนำมาตากแดด ซึ่งจะผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอน เพื่อให้พริกไทยแห้งสะอาดมากที่สุด ขณะที่รสชาติของพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ก็มีความโดดเด่น จนได้รับการขึ้นทะเบียน GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) เนื่องจากมีความเผ็ดร้อนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารประเภทโฮมเมด หรือพรีเมียม ที่ให้ความสนใจสั่งซื้อเข้ามาทางออนไลน์ทั่วประเทศ ทั้งทางเพจ “สวนพริกไทยตรัง พริกไทยพันธุ์ปะเหลียน” หรือโทร.08-6702-6514