สุราษฎร์ธานี - ความคืบหน้าคดีผู้ใหญ่บ้านปืนโหดยิงพระนักพัฒนาชื่อดังมรณภาพพร้อมลูกศิษย์ ทนายความเตรียมเคลื่อนไหว หลังศาลจังหวัดไชยา มีคำสั่งผู้ตายอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องส่งฟ้องศาลอาญาทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 แต่สำนวนคดียังอยู่สำนักงานอัยการภาค 8
จากกรณีที่นายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร หัวหน้าสำนักสงฆ์พุทธอุทยานถ้ำเขาเพ-ลา และเป็นพระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต พร้อมด้วย นายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 48 ปี ลูกศิษย์ เมื่อเวลา 01.20 น.ของวันที่ 7 เมษายน 2562 ปีที่ผ่านมา โดยนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 อ้างว่ายิงเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากพระชลธาร พร้อมลูกศิษย์ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกมาตีผึ้งที่บริเวณเชิงเขาเพ-ลา และพระชลธาร ได้ขัดขวางการจับกุมและชักปืนต่อสู้ ส่วนนายชูรัตน์ ชักมีดต่อสู้จึงยิงใส่ไป 1 นัด จนเป็นข่าวดังเมื่อปีที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุด วันนี้ (22 ก.พ.) นายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ทีมทนายความ พระชลธาร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ศาลจังหวัดไชยาได้มีคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ ช1/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ช2/2563 หลังจากนัดไต่สวนเรื่องชันสูตรพลิกศพ พระชลธาร กาญจนบุตร และนายชูรัตน์ คงคล้าย ว่าขณะเสียชีวิตทั้งคู่อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งศาลจังหวัดไชยาได้มีคำสั่งว่า ขณะเกิดเหตุนอกจากรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 2 เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22 ถึง 4 นาฬิกาของทุกวัน ยังมีคำสั่งนายอำเภอท่าชนะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้เป็นผู้ปฏิบัติงานระดับตำบลสมอทอง อ.ท่าชนะ เพื่อดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้วย นายมานพ เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อได้รับแจ้งจากนางปราณี ว่ามีรถยนต์หลายคันแล่นผ่านหน้าบ้านและได้ยินเสียงตัดต้นไม้ดังมาจากภูเขาใกล้สำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา จึงร่วมกับนายหรินทร์ และนายพงษ์เทพ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเดินทางไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงพบพระชลธาร ผู้ตายที่ 1 และนายชูรัตน์ ผู้ตายที่ 2 และรถยนต์กระบะ 3 คัน จอดอยู่บริเวณข้างทาง ผู้ตายที่ 1 บอกนายมานพ ว่ามาตีผึ้ง นายมานพ บอกให้บุคคลทั้งสองอยู่เฉยๆ หลังจากนั้นจึงโทรศัพท์ไปหากำนันตำบลสมอทอง แจ้งว่า มีชาวบ้านฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 2 เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22 ถึง 4 นาฬิกา ในข้อนี้แม้ในเบื้องต้นพยานปากนายมานพ ทับเกลี้ยง นายสายชล ทองคำยาน กับนายมานพ ผู้ใหญ่บ้าน นายหรินทร์ และนายพงษ์เทพ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จะเบิกความในลักษณะยันปากยันคำและไม่ได้ความชัดว่าขณะที่นายมานพ กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้งสองไปถึงที่เกิดเหตุจะอยู่ในช่วงเวลาที่ห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานแล้วหรือไม่ แต่นายปัญญาภรณ์ เบิกความว่า เมื่อพยานทราบเหตุ พยานกับพวกออกเดินทางจากอำเภอท่าชยนะเมื่อเวลา 1 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นใช้เดินทาง 20 นาที ถึงที่เกิดเหตุ
แสดงว่านายปัญญาภรณ์ กับผู้ใต้บังคับบัญชาเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 01.20 น. ซึ่งอยู่ในเวลาห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานแล้ว พบว่า นายมานพ กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยังไม่จับกุมผู้ตายทั้ง 2 เพียงแต่ควบคุมผู้ตายทั้ง 2 ไว้ ในข้อนี้นายมานพ เบิกความตอบทนายผู้ตายว่า ควบคุมตัวผู้ตายทั้ง 2 ไม่ได้ขัดขืน เมื่อนายปัญญาภรณ์ กับพวกมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้ส่งผู้ตายทั้ง 2 อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ แม้การควบคุมตัวพระชลธาร และนายชูรัตน์ จะไม่ได้ใช้เครื่องพันธนาการ แต่ก็ได้ควบคุมไม่ให้ทั้งคู่หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ศาลจึงมีคำสั่งว่า พระชลธาร กาญจนบุตร กับ นายชูรัตน์ คงคล้าย ตายที่บริเวณทางขึ้นลงพุทธอุทยานสสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา หมู่ที่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เหตุและพฤติการณ์ที่พระชลธาร ตายคือ จากบาดแผลกระสุนปืนเข้าที่ลำคอและชายโครงขวา หัวใจและขั้วหัวใจฉีกขาด ส่วนนายชูรัตน์ ตายจากบาดแผลกระสุนปืนลูกปรายที่ไหปลาร้าขวา หลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ขั้วหัวใจฉีกขาด ในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่
นายสมบูรณ์ เปิดเผยอีกว่า หลังจากศาลมีคำสั่งแล้ว ทางพนักงานอัยการจังหวัดไชยาได้สรุปสำนวนยุติคดีส่งมายังสำนักงานอัยการภาค 8 เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อให้อธิบดีอัยการภาค 8 ลงความเห็นเพื่อส่งสำนวนกลับมายังพนักงานสอบสวน สภ.ท่าชนะ ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีก็จะส่งเรื่องไปดำเนินคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติชอบภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งตนเตรียมประสานทางญาติผู้เสียชีวิตเตรียมเคลื่อนไหวติดตามเรื่องที่สำนักงานอธิบดีอัยการภาค 8 สุราษฎร์ธานี เพื่อให้เรื่องคดีเดินเร็วขึ้น เนื่องจากคดีนี้จะมีอายุครบ 1 ปีในเดือนเมษายนนี้ ส่วนศพพระชลธาร นั้นยังคงเก็บอยู่ที่วัดในพื้นที่อำเภอพะโต๊ะ จ.ชุมพร และตนเห็นว่าต้องรอศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติชอบภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ประทับรับฟ้องเสียก่อนจึงจะดำเนินการตามศาสนาได้ต่อไป
ด้าน น.ส.ณิตาภา กาญจบุตร น้องสาวพระชลธาร ได้เข้ายื่นเรื่องขอรับค่าตอบแทนหรือสินไหมทดแทนในคดีอาญา ต่อนายสุธีรวัชร์ เจริญวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหากพ้นกำหนด 1 ปี นับจากวันเกิดเหตุทางญาติผู้เสียชีวิตจะเสียสิทธิในการยื่นของรับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ