สุราษฎร์ธานี - ราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ทุ่มงบเกือบ 100 ล้านบาท จ่อผุดท่าเรือเฟอร์รี่ เชื่อมการท่องเที่ยวและขนส่งจากแผ่นดินใหญ่เส้นทาง อำเภอดอนสัก สู่เกาะพะลวย-เกาะสมุย ด้านชาวบ้านในชุมชนเสียงแตก
วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ศาลาอเนกประสงค์ โรงเรียนเกาะพะลวย หมู่ 6 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย มอบหมายให้ นายวีรวุฒิ ปล้องบรรจง ปลัดศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย เป็นประธานในการประชุมทำประชาพิจารณ์โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ ในพื้นที่เกาะพะลวย โดยมี นายอรุณ บุปผะโก นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย นายพิสิทธิ์ เจือละออง หัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง เทศบาลนครเกาะสมุย และนายพุทธพงศ์ วิมลพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานอำนวยการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) นายอภิชนม์ ชโยภาส กรรมการผู้จัดการสายงานการพัฒนาธุรกิจ และประชาชนในชุมชนบนเกาะพะลวย จำนวนมากเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็น
สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เส้นทางอำเภอดอนสัก-เกาะพะลวย-เกาะสมุย ที่ทางบริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมก่อสร้าง เป็นท่าเทียบเรือขนส่งขนาดไม่เกิน 500 ตันครอส โดยก่อสร้างที่บริเวณอ่าวสอง บ้านเกาะพะลวย หมู่ 6 ตำบลอ่างทอง ซึ่งทางบริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ได้ขออนุญาตในการก่อสร้างท่าเรือขนส่งเชื่อมการท่องเที่ยวระหว่างแผ่นดินใหญ่ อำเภอดอนสั-เกาะพะลวย-เกาะสมุย ซึ่งเป็นเกาะบริวารของเกาะสมุย ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
ชุมชนบนเกาะพะลวย มีประชาชนอาศัยอยู่บนเกาะพะลวยจำนวน 102 ครัวเรือน มีประชากรจำนวน 380 คน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมง และประกอบการท่องเที่ยว และเกษตรกร ในการก่อสร้างท่าเทียบเรือในครั้งนี้ ทางบริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) ทุ่มงบการก่อสร้างกว่า 70 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการประชุมรับฟังความคิดเห็น ในส่วนของประชาชนบนเกาะพะลวยเอง เสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างท่าเทียบเรือ เกรงว่าจะกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวประมง และ ชุมชน รวมทั้งสิ่งแวดล้อม
นายวีรวุฒิ ปล้องบรรจง ปลัดศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า หากประชาชนไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้าง และรู้สึกไม่สบายใจ สามารถยื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเกาะสมุย พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่นายพุทธพงศ์ วิมลพันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานอำนวยการ บริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทราชาเฟอร์รี่จะสร้างท่าเรือที่เกาะพะลวย บริเวณอ่าวสองของเกาะพะลวย เป็นท่าเทียบเรือระวางบรรทุกไม่เกิน 500 ตันครอส เป็นเรือขนาดเล็กบรรจุรถได้ 15-20 คัน และไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในท้องทะเล ซึ่งลักษณะท่าเทียบเรือที่สร้างจะยื่นออกไปในทะเล เทียบเรือได้ 2 ลำ พร้อมกันนี้ ทางกรมเจ้าท่าได้เข้ามาแนะนำในการปรับเปลี่ยนแบบเพื่อไม่ให้การก่อสร้างมีผลกระทบต่อวิถีการเดินเรือกับชาวประมงในพื้นที่ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนแบบสะพาน
ด้านความสูงและปรับแบบความเอียงที่ปลายท่าเพื่อไม่ให้ส่งผลในการเลี้ยวของเรือ และจะไม่กีดขวางทางร่องน้ำของชาวประมง ซึ่งตนเชื่อว่าการเดินทางสัญจรทางเรือของพี่น้องเกาะพะลวยในครั้งนี้จะสะดวกขึ้น ซึ่งทางบริษัทตั้งใจที่จะให้บริการในการเดินเรือทุกวัน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องชาวเกาะพะลวย เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางได้เฉพาะผู้โดยสารเท่านั้น แต่ถ้าหากได้นำยานพาหนะข้ามฟากจะทำให้ชาวเกาะพะลวยมีความสะดวกขึ้น และจะจะเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวได้อีกด้วย
นายอรุณ บุปผะโก นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย กล่าวว่า ทางบริษัทราชาเฟอร์รี่ ขออนุญาตก่อสร้างท่าเทียบเรือไม่เกิน 500 ตันกรอส พร้อมทั้งได้ดำเนินการจัดเตรียมเรื่องเอกสารในการขอใบอนุญาตมาแล้ว แต่เนื่องจากมีพี่น้องชาวเกาะพะลวย บางส่วนที่ยังไม่ทราบข้อมูล จึงมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อให้พี่น้องชาวเกาะพะลวย รับรู้ว่าจะมีท่าเทียบเรือเกิดขึ้น หากมีพี่น้องคนใดเสนอแนะข้อคิดเห็น โดยภาพรวมมีการเห็นด้วยในการก่อสร้างครั้งนี้ เพื่อเป็นการนำความเจริญและความสะดวกสู่เกาะพะลวย ในขั้นตอนต่อไปเป็นการดำเนินการขออนุญาตต่อคณะกรรมการพิจารณาเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 จังหวัดสงขลา หากผ่านขั้นตอนพิจารณาอนุญาตแล้วเสร็จจะดำเนินการกระบวนการปลูกสร้างให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 12 เดือนนับแต่วันที่อนุญาต
