ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดวิสัยทัศน์และนโยบาย “สมใจ สุวรรณศุภพนา” หัวหน้า “กลุ่มคนหนุ่ม” ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ทำได้ ทำจริง ทำสำเร็จ พร้อมทำต่อให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้ vision “สร้างคน สร้างเมือง สร้างเศรษฐกิจ และสร้างสิ่งแวดล้อม” นำนครภูเก็ตสู่เมืองอัจฉริยะ
การเลือกตั้งท้องถิ่นเทศบาลนครภูเก็ต จะมีขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2564 นี้ เทศบาลนครภูเก็ต มีผู้ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรี 2 คือ น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา (จี้อี่) กลุ่มคนหนุ่ม หมายเลข 1 และนายสาโรจน์ อังคณาพิลาส (ส.จ.โอ๋) กลุ่มรักภูเก็ต หมายเลข 2 และผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครภูเก็ต การหาเสียงในขณะนี้เริ่มคึกคัก ผู้สมัครมีการลงพื้นที่ตามชุมชนต่างๆ ขึ้นป้ายแนะนำตัวผู้สมัคร แนะนำนโยบาย รวมไปถึงการหาเสียงผ่านทางโซเชียลมีเดีย
น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต หมายเลข 1 หัวหน้าทีม “กลุ่มคนหนุ่ม” เปิดเผยถึงการลงรับสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต และวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเทศบาลนครภูเก็ต ว่า จากประสบการณ์การทำงานเพื่อพี่น้องในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ที่ผ่านมา 3 สมัย ทำให้เข้าใจถึงความต้องการและแนวทางการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเทศบาลนครภูเก็ต จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์และแนวนโยบายในการพัฒนาเมือง ภายใต้แนวคิด “สร้างคน สร้างเมือง สร้างเศรษฐกิจ และสร้างสิ่งแวดล้อม” เพื่อให้การพัฒนานครภูเก็ตเดินไปข้างในทุกๆมิติ และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
โดยในส่วนของแนวทางการสร้างคนนั้น จะต้องสร้างคนให้สมาร์ทที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมือง ว่าเราจะพัฒนาเมืองไปในทิศทางใด ดังนั้น เราจะต้องเตรียมความพร้อมด้านการศึกษาให้แก่บุตรหลานให้สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีเป้าหมายว่าเมื่อบุตรหลานของเราจบการศึกษาไปแล้วจะต้องมีงานทำ ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา เทคโนโลยี และการคิดแบบสร้างสรรค์
ตลอดจนการทำงานร่วมกับเครือข่ายในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงการสร้างสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ซึ่งทุกเรื่องที่ดำเนินการนั้นจะเป็นเรื่องใกล้ตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การดูแลสุขภาพ ของคนทุกกลุ่ม รวมไปถึงกลุ่มคนเปราะบาง พิการ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อทำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งผลให้เทศบาลนครภูเก็ตได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย และจากประสบการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้ตระหนักมากขึ้นว่า การท่องเที่ยวในอนาคตจะเน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่าปริมาณ แต่ภายหลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ยิ่งตระหนักมากขึ้น และการท่องเที่ยวในอนาคตจะไม่ได้มุ่งเน้นในเชิงปริมาณ
ในส่วนของการสร้างเมืองนั้น สร้างเมืองให้เป็นเมืองสมาร์ทและอัจฉริยะ ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ในการพัฒนาเมือง เช่น การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ซึ่งที่ผ่านมา เทศบาลนครภูเก็ตได้รับเลือกจากเอกชนมาศึกษาและทดลองนำกล้อง CCTV อัจฉริยะมาใช้ทั้งในเรื่องของความสะดวกและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงใช้ในเรื่องของการป้องกันปัญหาอาชญากรรม เพราะกล้อง CCTV อัจฉริยะนั้นมีความสามารถสแกนใบหน้า การวิเคราะห์ และการเตือนภัย ซึ่งในส่วนนี้จะต้องหาแนวทางในการติดตั้งให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 12 ตารางกิโลเมตร
“การพัฒนาเมืองนั้นเป็นพลวัตที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมืองที่มีความหนาแน่นมากปัญหาก็ย่อมจะตามมามากเท่านั้น เราไม่สามารถที่จะพัฒนาเมืองให้สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ได้” น.ส.สมใจ กล่าวและว่า
นอกจากนี้ การพัฒนาเมืองการบริหารจัดการด้านสาธารณูปโภคสาธารณูปการเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ตั้งแต่เรื่องของถนนและฟุตปาธที่ปลอดภัย เพื่อให้นครภูเก็ตเป็นเมืองแห่งการเดิน ภายใต้แนวคิด “ยิ่งเดินยิ่งรวย” โดยใช้ต้นทุนอัตลักษณ์ของเมืองมาเล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน และวัฒนธรรมต่างๆ
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของน้ำ ทั้งน้ำท่วม น้ำเสีย และน้ำใช้อุปโภคบริโภค ซึ่งปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรที่อยู่ในพื้นที่ การแก้ปัญหาเรื่องน้ำนั้นที่ผ่านมาเทศบาลได้มีการประสานแผนกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในระดับท้องถิ่น จังหวัด และระดับประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะในบางโครงการต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงานและต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง ซึ่งขณะนี้บางส่วนอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ปัญหาน้ำท่วม ที่จะต้องร่วมมือกันหลายๆเทศบาล ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกรมโยธาธิการ เป็นต้น ตลอดจนการจัดภูมิทัศน์ของเมืองให้สวยงามและเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายไฟฟ้าหรือสายสื่อสารลงดิน ที่ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วในย่านเมืองเก่า 6 สาย และกำลังดำเนินการอยู่อีก 2 สาย และการปรับปรุงบริเวณริมคลองต่างๆ ให้สวยงาม ทำให้บางครั้งอาจจะเกิดความไม่สะดวกกับประชาชนในพื้นที่ แต่ทั้งหมดก็เพื่อความสะดวกสบายและสวยงามในอนาคต รวมทั้งรองรับการกลับมาของเด็กภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการกลับมาประกอบอาชีพมากขึ้น
ส่วนด้านการสร้างเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นในชุมชนนั้น นอกจากย่านเมืองเก่าภูเก็ต หรือ Phuket Old Town ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้เศรษฐกิจย่านเมืองเก่าเติบโต แม้ว่าขณะนี้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้วางแผนที่จะขยายเขตเศรษฐกิจใหม่ของในเขตเมืองภูเก็ตไปยังบริเวณถนนชนะเจริญ ด้วยการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการปรับปรุงผังเมือง การเตรียมความพร้อมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับภูมิทัศน์ของเมืองให้สอดคล้องกับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้น เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะในย่านเมืองเก่าคงจะไม่สามารถขยายตัวได้มากนักด้วยข้อจำกัดของข้อกฎหมาย จึงจำเป็นต้องขยายมารอบนอก และบริเวณดังกล่าวยังสามารถที่จะเชื่อมต่อกับท้องถิ่นข้างเคียง หรือที่เรียกว่า วงแหวนรอบนอก
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น เรายังได้วางระบบการบริหารจัดการเรื่องของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นขยะ น้ำเสีย ซึ่งครอบคลุมไปถึงการแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนในอนาคต ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมต่างๆ ของเมือง
“สำหรับในอนาคต 4 ปีข้างหน้า หากได้รับการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งจะสานต่องานต่างๆ ที่มีการดำเนินการไว้แล้ว และสร้างงานใหม่ๆ เพื่ออนาคตข้างหน้า เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้ง 2 ครั้ง เกิดปัญหาหนักมาก โดยเฉพาะเรื่องปากท้อง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการในเรื่องต่างๆ เพื่อรองรับให้เกิดการมีงานทำและมีรายได้ เพื่อให้มีคุณชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” น.ส.สมใจ กล่าวและว่า
เรื่องของสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่างๆ ก็มีความสำคัญในการพัฒนาเมือง ซึ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาจจะกระทบต่อประชาชนในพื้นที่บ้าง แต่ก็ต้องอดทน เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการผลักดันและจัดหางบประมาณต่างๆ มาเติมเต็มโครงการต่างๆ ให้สมบูรณ์ เพราะแม้แต่ละปีเทศบาลจะมีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นงบจำนวนมาก แต่งบส่วนใหญ่จะใช้ไปกับงบประจำ จะเหลืองบประมาณเพื่อการพัฒนาเมืองเพียง 10% ดังนั้น แต่หากเป็นการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ก็ไม่สามารถใช้งบของเทศบาลได้ จำเป็นที่จะต้องมีการประสานแผนและงบประมาณจากหน่วยงานอื่นๆ เพื่อมาดำเนินการ เช่น สายไฟลงดิน การแก้ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาน้ำเสีย เป็นต้น และขอยืนยันว่าหากได้รับเลือกตั้งเข้าไปอีกครั้ง ทุกนโยบายที่นำเสนอนั้นสามารถทำได้ ทำจริง ทำสำเร็จ และพร้อมทำต่อให้ดียิ่งขึ้น
