พัทลุง - นักข่าวสาวควงทนายบุกโรงพัก สภ.เมืองพัทลุง แจ้งความเพจ “หมอขอบ่นหน่อยเหอะ” ในข้อหาหมิ่นประมาท และบิดเบือนข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเสียหาย
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง นางอิสณา อุดมศิลป์ อายุ 48 ปี ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น จ.พัทลุง พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อเพจ “หมอขอบ่นหน่อยเหอะ” หลังมีการนำภาพไปโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท และบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และภาพลักษณ์ของสื่อ นอกจากนี้แล้ว ยังมีการแจ้งความผู้ที่แชร์ข้อความจากเพจดังกล่าวไปยังหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว และทำให้เกิดความเสียหายอีกด้วย โดยมีกลุ่มชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางไปมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจทีมสื่อด้วย
นางอิสณา กล่าวว่า ในช่วงค่ำของคืนวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เพจดังกล่าวได้มีการโพสต์ข้อความที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ ทำให้เข้าใจได้ว่าสื่อไปขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลควนขนุน ในขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลืออุบัติเหตุหมู่บาดเจ็บ 13 ราย พร้อมทั้งเพจดังกล่าวได้ไปก๊อบปี้ภาพตนในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวมาโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทว่าไม่มีจรรยาบรรณ ทั้งที่ความเป็นจริงในวันเกิดเหตุ ตนไปพร้อมกับผู้สื่อข่าวสำนักอื่นๆ รวม 4 คน และทุกคนก็ไม่ได้มีใครไปสอบถาม หรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่พยาบาล ทั้งไม่ได้มีการเข้าไปเกะกะการทำงานของเจ้าหน้าที่ในห้องฉุกเฉิน สื่อทุกคนได้พูดคุยหาข้อมูลกับญาติๆ ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณลานจอดรถภายในโรงพยาบาล แต่กลุ่มสื่อกลับโดนเจ้าหน้าที่ตะโกนต่อว่าเสียงดังว่า “ห้ามถ่ายภาพ ห้ามถ่ายภาพ อย่าถ่าย” ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากที่อยู่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล ทั้งที่กลุ่มสื่อก็ถ่ายภาพอยู่ไกลๆ และไม่ได้เข้าไปถ่ายภาพให้ห้องฉุกเฉินที่เจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ โดยที่ทางสื่อไม่ได้มีการพูดตอบโต้ไปแต่อย่างใด
หลังเกิดกรณีดังกล่าว ตนได้นำข้อความเป็นภาษาถิ่นมาโพสต์แซวในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ด้นจริง นางยาบาล (บางคน) รพ.นี้ ต่างคนต่างทำหน้าที่นะคะ.. ว่านักข่าวกลัวนิ” ซึ่งไม่ได้มีเจตนาให้ใครได้รับความเสียหาย แต่ทางเพจดังกล่าวกลับไปโพสต์ด่า โดยใช้ข้อความที่ไม่สุภาพ ประมาณว่า “สื่อไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่พยาบาลไม่ให้ข้อมูล จึงไปโพสต์ด่าโรงพยาบาล” พร้อมเอาภาพถ่ายของตนไปโพสต์ประจานว่า “ไร้จรรยาบรรณ” ที่ร้ายหนักคือ แอดมินเพจส่งข้อความแชตส่วนตัวไปใช้คำที่ไม่สุภาพ ด่าทออย่างเสียๆ หายๆ ซึ่งจากการทำงานให้วงการสื่อมวลชนของตนมากว่า 20 ปี เข้าใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่พยาบาล ในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บกรณีเกิดอุบัติเหตุ สื่อไม่เคยต้องขอข้อมูล หรือสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่พยาบาล แล้วสื่อจะไปขัดขวางการทำงานของพยาบาลได้อย่างไร บุคคลที่สื่อจะสอบถามข้อมูล คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งในการทำงานโดยส่วนตัวจะให้เกียรติแหล่งข่าวเสมอ
นางอิสณา ยังกล่าวต่ออีกว่า นอกจากถูกเพจดังกล่าวโพสต์ข้อความบิดเบือน และข้อมูลที่ทำให้เกิดความเสียหายแล้ว ตนยังโดนป่วนหนัก หลังเที่ยงคืนของวันเกิดเหตุได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามายังหมายเลขของตน อ้างว่าเป็นเลขาแพทยสภาฯ จะโทร.มาสอบถามเรื่องที่มีพยาบาล และหมอ แชร์ข้อมูลที่โพสต์ของเพจดังกล่าวกันเป็นจำนวนมากว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนได้สอบถามกลับไปว่าเลขาแพทยสภาฯ ทำไมโทร.มาตอนหลังเที่ยงคืน ไม่โทร.มาสอบถามในช่วงเวลาราชการ หลังจากนั้นในเวลา 07.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของตนไปปรากฏในข้อความส่งต่อในกลุ่มไลน์ ว่าเปิดรับสมัครงานบุคคลจำนวนมากเพื่อบรรจุถุงมือในกรุงเทพฯ จำนวน 2 แห่ง มีสวัสดิการดีเยี่ยม จนทำให้มีผู้โทร.เข้ามาสมัครงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการรวบรวมพยานหลักฐานทำให้เชื่อว่าทั้ง 2 กรณีมีความเกี่ยวพันกัน
นางอิสณา ระบุด้วยว่า สาเหตุที่เข้าแจ้งความเพื่อต้องการให้เป็นกรณีตัวอย่างว่าไม่ควรนำข้อมูลที่บิดเบือน ไม่ตรงกับความเป็นจริงไปโพสต์จนเกิดความเสียหายให้แก่บุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเพจที่เกี่ยวข้องกับบุคคลของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐด้วยแล้ว แอดมินเพจไม่ควรใช้ภาษาที่ไม่สุภาพ และควรตรวจสอบข้อมูลที่แน่ชัดก่อนโพสต์ ทั้งในกรณีดังกล่าวนี้ ตนได้แจ้งความต่อบุคคลที่แชร์ข้อความของเพจไปยังหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่สร้างความเสียหายให้แก่ตนด้วย โดยเบื้องต้น รวบรวมหลักฐานแจ้งความแล้ว จำนวน 3 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง โดยเรื่องการดำเนินคดีต่อบุคคลที่ถูกแจ้งความ ตนขอให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องการติดตามคดีว่าจะมีการแจ้งความบุคคลที่แชร์ หรือโพสต์ข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งก่อนหน้า และหลังจากนี้หรือไม่อย่างไรนั้น ตนได้มอบหมายให้ทีมทนายความเป็นผู้ดูแล