โดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
พี่น้องตระกูล “เสนพงศ์” ที่ผงาดทางการเมืองทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่นในห้วง 10 ปีมานี้ ถูกพูดถึงอย่างมาก หลังจาก “เทพไท เสนพงศ์” อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ถึงจุดสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง ด้วยการถูกวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งโดยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นอันต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุ “ต้องคำพิพากษาคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช มีโทษจำคุก และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง” เป็นวิบากกรรมแผลฉกรรจ์
ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 3 ของ จ.นครศรีธรรมราช เป็นอันว่างลง 1 ตำแหน่ง สร้างความตระหนกให้แก่ “ประชาธิปัตย์” ไม่น้อย ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนออกอาการหวาดวิตก เรียกหามารยาททางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง ตามสไตล์ของพรรคประชาธิปัตย์ และแสดงความเป็นสถาบันทางการเมืองอันเก่าแก่ ด้วยการประกาศสรรหาตัวผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งแทน “เทพไท เสนพงศ์”
แต่ก็เป็นที่รู้ใจกัน เรื่องของกระบวนการสรรหาเป็นเพียงพิธีกรรมทางการเมืองเท่านั้น การสืบทอดทายาททางการเมืองนี่ต่างหากคือบุคลิกของพรรคประชาธิปัตย์ที่ปฏิเสธได้ยาก ชื่อของ “พงศ์สินธ์ เสนพงศ์” น้องชายของ “เทพไท เสนพงศ์” จึงเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อให้ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในเขตนี้แทน ท่ามกลางกระแสวิพากษ์ทางการเมืองอันร้อนแรง และไม่พลาดไปจากนี้
ส่วนพรรคคู่แข่งที่จะส่งตัวผู้สมัคร เห็นจะมี “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” จาก “พลังประชารัฐ” ที่ทำคะแนนไล่หลัง “เทพไท เสนพงศ์” มาเพียงราว 4 พันคะแนนเท่านั้น สร้างความหวาดเสียวให้แก่ประชาธิปัตย์มาแล้ว มาครั้งนี้คงจะไม่พ้น “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนี้อีกครั้ง นัยหนึ่งนี่คือการ “ล้างตา” นัดสำคัญของอาญาสิทธิ์ และพรรคพลังประชารัฐ ส่วน “พรรคกล้า” ของ “กรณ์ จาติกวณิช” นักการเมืองเลือดเก่าของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตัดสินใจแยกทางกับประชาธิปัตย์ แล้วไปก่อตั้งพรรคกล้า ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กรณ์” รู้ไส้รู้พุง “เทพไท” และประชาธิปัตย์เป็นอย่างดีอยู่แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้จึงส่ง “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” นักการเมืองรุ่นใหม่ เลือดใหม่ ที่ลงสมัครในนามพรรคกล้า พร้อมชนกับน้องชายเทพไท และอาญาสิทธิ์
เมื่อดูคุณสมบัติกันแบบรายตัวเทียบกันแล้ว “พงศ์สินธ์ เสนพงศ์” ไม่เคยผ่านการเลือกตั้งในสนามระดับชาติมาก่อน แต่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่มีพี่ชายอีกคนคือ “เชาว์วัศน เสนพงศ์” นายกเทศมนตรี ผู้สร้างตำนานประโยคทอง “ผมถูกการเมืองฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง” เป็นคำตอบทางออกสำหรับปัญหาทุกเรื่องที่เขาแก้ไม่ตก ทุกเรื่องกลายเป็นความผิดของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองไปเสียทั้งหมด ส่วนพงศ์สินธ์ ยังไม่เคยผ่านการเลือกตั้งในสนามใดมาก่อน ด้วยบุคลิกที่เป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ และออกจะเรียบร้อย ไม่ถนัดพูดจาแบบเทพไท สนามนี้จึงเป็นสนามสำคัญที่ “พี่จัดให้”
แม้ “เทพไท เสนพงศ์” จะจัดให้ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ผวา” คืออาการที่ซ่อนอยู่ลึกๆ สำหรับชื่อ “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” จากพรรคพลังประชารัฐ ผู้ที่จะมาเป็นคู่แข่งอาญาสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งนายอำเภอหลายอำเภอในภาคใต้ รวมทั้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ อำเภอหนึ่งในเขตเลือกตั้งนี้ และที่สำคัญเขาถูกหมายมั่นปั้นมือจากผู้ไม่เอา “ประชาธิปัตย์” และปฏิเสธ “พี่น้องเสนพงศ์” ถือเป็นนัดล้างตาที่สำคัญ จากคะแนนของ “เทพไท เสนพงศ์” ที่ 21,724 คะแนน “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ที่ 18,665 คะแนน ในสนามเลือกตั้งถือเป็นคะแนนที่ไม่ห่าง และเฉียดฉิวทีเดียว “พงศ์สินธ์ เสนพงศ์” จึงเจองานหิน และภาระหนักอยู่ที่ “พี่จัดให้” จะไหวหรือไม่ แต่บอกได้ว่ากระอักแน่
ส่วน “สราวุฒิ สุวรรณรัตน์” ผู้สมัครจากพรรคกล้า เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ผ่านการสรรหาเฟ้นเลือกจาก “กรณ์ จาติกวณิช” ที่เดินทางมาอยู่ในพื้นที่ อ.ชะอวด ฝังตัวทำการเมืองมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค “ข้าวอิ่ม” ที่กรณ์เป็นผู้ผลักดันบรรจุภัณฑ์ที่บรรจุข้าวเกรดพรีเมียม คือ “กระจูดสาน” ผลิตมาจาก ต.เคร็ง อ.ชะอวด เขตเลือกตั้งที่ 3 พื้นที่นี้ การเปิดตัวครั้งนี้จึงเป็นที่คาดหวังลึกๆ ของกรณ์ ว่าการทำการเมือง การสร้างคุณประโยชน์ในพื้นที่ มีแนวทางการพัฒนาที่ชัดเจนเช่นพรรคกล้า จะเป็นทางเลือกให้แก่ชาวบ้าน มากกว่าการสืบทอดทายาททางการเมืองที่ชาวบ้านไม่ได้อะไรเลย
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงต้องติดตาม และจับตาอย่างใกล้ชิด หากจะให้ฟันธง คงบอกได้แต่เพียงว่า “ประชาธิปัตย์” อาการหนัก และกระอักเลือด คงจะเป็นอาการที่ไม่น่าจะผิดไปจากนี้