นราธิวาส - เจ้าหน้าที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รวบตัวบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 11 ราย ขณะลักลอบข้ามแดนมายังประเทศไทย โดยผ่านเข้ามาทางเรือบริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านกวาลอซีรา ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก
วันนี้ (31 ม.ค.) ที่ สภ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะเจ้าหน้าที่ อส.อ.สุไหงโก-ลกที่ 6 ปฏิบัติงานจุดตรวจบริเวณริมถนนสาย 42 สุไหงโกลก-ตากใบ ใกล้ปั๊ม ปตท.บ้านกวาลอซีรา ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พบบุคคลพร้อมสัมภาระขณะเดินเท้าเข้ามาบริเวณดังกล่าวจึงเรียกตรวจ เบื้องต้น พบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา จำนวน 11 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 7 คน
นายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงโก-ลก จึงได้สั่งการให้ นายพิมล จงรักษ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง นายอภินันท์ ชาจิตตะ ปลัดอำเภองานป้องกัน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอสุไหงโก-ลก ชุด ชรบ.หมู่ 7 ตำบลปาเสมัส เข้าควบคุมตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก สอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในห้วงการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ห้ามบุคคลต่างสัญชาติเข้าประเทศ
ขณะเดียวกัน กรณีที่เป็นแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ พม่า ลาว และกัมพูชา หากเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย ตามคำสั่งจังหวัดนราธิวาสห้ามเดินทางเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด และหากเข้ามาอย่างผิดกฎหมายจะถูกจับกุมทุกกรณี ดังนั้น หากพบเห็นบุคคลต่างสัญชาติ หรือ แรงงานต่างด้าวเข้ามาพักพิงในพื้นที่ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยผู้นำพาและผู้ให้ที่พักพิงจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
จากการสอบถามทราบว่า ทั้งหมดเป็นคนสัญชาติกัมพูชาที่เดินทางมาจากรัฐกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยลักลอบเข้าประเทศไทยทางเรือบริเวณช่องทางธรรมชาติบ้านกวาลอซีรา ม.7 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก และเตรียมเดินทางกลับปลายทางประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายฐานความผิดบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ก่อนจะนำไปกักตัวยัง สภ.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส
ด้าน พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติเดินทางเข้าประเทศไทย ยกเว้นบุคคลตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ดังนั้น หากบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จะถูกส่งฟ้องศาลและดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและเสียค่าปรับก่อนผลักดันกลับประเทศภูมิลำเนา
สำหรับแรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาผิดกฎหมายจำนวน 354 ราย ผลักดันกลับประเทศ จำนวน 279 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2564 )
ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่าการดำเนินการดำเนินมาตรการป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ สิ่งสำคัญคือ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากประเทศมาเลเซียยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยหากมีผู้ติดเชื้อเข้ามาภายในประเทศไทยก็จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพื้นที่
จึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบ หากพบคนไทยในประเทศมาเลเซียลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและกักตัวที่ศูนย์กักกันของรัฐ รวมทั้งบุคคลต่างด้าวทุกสัญชาติที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย