ปัตตานี - นายอำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี ระดมกำลังร่วมกับชาวบ้านใน ต.ตะโล๊ะกาโปร์ ช่วยป้องกันชายฝั่งถูกคลื่นกัดเซาะรุนแรง
วันนี้ (13 ม.ค.) นายโอฬาร บิลสัน นายอำเภอยะหริ่ง จ.ปัตตานี พร้อมปลัดอำเภอ ข้าราชการอำเภอ นำอาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอยะหริ่ง ร่วมกับชาวบ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่หมู่ 1 บ้านปาตา ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เพื่อระดมกำลังในการเข้าช่วยเหลือป้องกันชายฝั่งกัดเซาะบ้านเรือนราษฎรที่ติดกับชายฝั่ง โดยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งนำทรายบรรจุในกระสอบเพื่อกั้นเป็นแนวตลอดความยาวของชายฝั่ง แต่ไม่สามารถต้านแรงคลื่นไหว ถูกคลื่นดึงลงทะเลเกือบทั้งแถบ
จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ปล่องปูนขนาด 50-80 เซนติเมตร นำมาวางไว้ตลอดแนวชายฝั่ง แล้วนำกระสอบทรายบรรจุในปล่องเพื่อเพิ่มน้ำหนักไม่ให้คลื่นดึงลงในทะเล นอกจากนั้น ชาวบ้านยังได้ใช้ในรูปของภูมิปัญญาชาวบ้านในพื้นที่ โดยใช้ก้านที่มีใบมะพร้าวผูกด้วยเชือกติดกันเป็นแนวยาว แล้วนำมาตึงไว้กับแนวยาวของชายหาดเพื่อลดความรุนแรงของคลื่นกระทบชายฝั่งได้ในระดับหนึ่ง
จากการพูดคุยกับชาวบ้านที่นี่ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาการกัดเซาะของคลื่นอย่างเป็นระบบ และมั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เคยมีการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องยังเงียบหาย และไม่มีคำตอบ จากการกัดเซาะชายฝั่งในช่วงฤดูมรสุมปีนี้ ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังจากพายุจะเข้าชายฝั่งอ่าวไทยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ในช่วงวันที่ 9-13 ม.ค.นี้
ล่าสุด จนถึงเช้าวันนี้ได้มีพายุกระหน่ำพัดเข้าฝั่งตั้งเช้ามืด ทำให้บ้านของ นายมามะ ดาราซี บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 บ้านปาตา จ.ตะโล๊ะกาโปร์ ถูกคลื่นซัดพื้นที่ทรุดหายไปกับน้ำ ห้องน้ำพังได้รับความเสียหาย จึงต้องระดมกำลังเข้ารื้อถอนหลังคาบ้าน พร้อมอพยพคนในบ้านย้ายไปพักอาศัยบ้านญาติก่อน จนกว่าคลื่นลมจะสงบ นอกจากนั้น ยังพบว่าบ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่ในละแวกเดียวกัน จำนวน 12 หลังคาเรือนที่เสี่ยงจะถูกคลื่นซัด จึงได้เฝ้าระมัดระวังเป็นพิเศษ
จากการพูดคุยกับชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากคลื่นกัดเซาะ กล่าวว่า เนื่องจากที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านประมงที่มีประชากรหนาแน่นแห่งหนึ่งของ จ.ปัตตานี 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำงานประมงเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัวมานับ 100 ปี จึงทำให้คนที่นี่มีความผูกพันกับทะเล ถึงแม้บางช่วงมรสุมมีคลื่นสูงซัดเข้าฝั่ง แต่ช่วงหลังมรสุมสงบเป็นโอกาสทอง เป็นช่วงไฮซีซันของการจับสัตว์น้ำของชาวประมงที่นี่ เป็นฤดูกุ้งแชบ๊วยตัวโตเต็มวัย ฤดูปูม้าขนาดต่างๆ สามารถสร้างงานสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในรอบปีก็ว่าได้ เป็นช่วงที่ชาวประมงที่นี่จะมีรอยยิ้ม
แต่ช่วงมรสุมเข้ามาชาวประมงที่นี่ต้องขาดรายได้ เพราะออกเรือไปทำประมงไม่ได้ ในส่วนของปีนี้คลื่นเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนมาแล้ว จนถึงวันนี้ชาวประมงออกประมงไม่ได้ ไม่มีรายได้เลยแม้สักบาทเดียว แต่กลับมีภาระค่าใช้จ่ายทุกวัน อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลให้หน่อย จนถึงทุกวันนี้แม้ถุงยังชีพยังไม่ได้รับแม้สักถุงเดียว ชาวบ้านจะอดตายอยู่แล้ว