ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจป่าตอง จ.ภูเก็ต รวบหนุ่มวัย 24 ปี ใช้มีดจี้ชิงเงินพนักงานร้านสะดวกซื้อ สาขา ถ.นาใน ป่าตอง กวาดเงินกว่า 1,000 บาท รับสารภาพทำจริง ก่อนนำเงินไปซื้อเหล้ากินจนหมด
เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 8 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง ร่วมกับ ตำรวจ บก.สส.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว นายปฏิภาณ ไชยโยธิน อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ถ.เพชรกูด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง สาขานาใน 3 ถ.นาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค.64 ที่ผ่านมา โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ถ.เพชรกูด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางที่ใช้ก่อเหตุ จึงนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง และแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน”
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 02.05 น. ของวันที่ 7 ม.ค.64 เกิดเหตุชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อสาขานาใน 3 ถ.นาใน ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และชุดสายตรวจ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบพนักงานขายในร้านที่เกิดเหตุแจ้งให้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุใส่แมสก์ เป็นชาย 1 คน สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ใส่เสื้อแจ็กเกตสีน้าเงิน ผมสั้น นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใช้อาวุธมีดทำครัวบังคับให้เปิดที่เก็บเงิน เมื่อ นายองอาจ สารการ พนักงานขายเปิดลิ้นชักที่เก็บเงิน ผู้ก่อเหตุได้หยิบเงินไป ประมาณ 1,060 บาท แล้วเดินออกจากร้าน มุ่งหน้าไปทางซุปเปอร์ชิพนาใน
ต่อมา ชุดจับกุมสืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ใช้กระเป๋าสะพายในการเก็บซ่อนเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ และขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทางซอยนาใน 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงติดตามตัว กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุอาศัย อยู่บ้าน ถ.เพชรกูด ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวชุดจับกุมจึงได้เข้าไปตรวจสอบ พบ นายปฏิภาณ นอนอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง จึงแสดงตัวจับกุม และจากสอบถาม เบื้องต้น นายปฏิภาณ รับว่าตนได้ใส่ชุดดังกล่าวข้างต้นในการก่อเหตุชิงทรัพย์จริง และนำเงินทรัพย์สินที่ได้ไปซื้อเหล้ากินจนหมด
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายปฏิภาณ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งสาขานาใน 3 ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในชั้นจับกุม พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการควบคุมและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
