xs
xsm
sm
md
lg

โควิด-19 ระลอกใหม่พ่นพิษเผาจริงท่องเที่ยวภูเก็ต โรงแรมเตรียมปิดตัว-เทขาย หลังสู้ต่อไม่ไหว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โควิด-19 ระลอกใหม่พ่นพิษ ปีนี้เผาจริงท่องเที่ยวภูเก็ต หลังปีที่ผ่านมาเป็นการเผาหลอกมาแล้ว ผู้ประกอบการโรงแรมเตรียมปิดอีกรอบ บางส่วนพร้อมยกธงขาวยอมแพ้เทขายแบบลดราคากันสุดๆ หลังสู้ต่อไม่ไหว มองไม่เห็นแสงสว่าง


นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวหลังจากมีการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่า การการท่องเที่ยวชะงักงันไปหมดซึ่งสังเกตได้จากการจองสิทธิเราเที่ยวด้วยกันที่ไม่ลดลงเลย ที่ผ่านมา อาจจะมีจองเข้ามามาแต่ถือว่าเป็นกลุ่มที่น้อยมาก ทำใขณะนี้ในส่วนของโรงแรมที่เปิดให้บริการก่อนหน้านี้ซึ่งมีอยู่ประมาณ 300 โรงแรม กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะกลับมาปิดตัวอีกรอบ เพราะไม่สามารถที่จะสู้ต่อไป และเชื่อว่าการระบาดระลอกใหม่ไม่น่าจะกินเวลาต่ำกว่า 1 เดือน เพราะดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังมีแนวโน้มการระบาดต่อเนื่อง แม้ว่าในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ณ เวลานี้จะไม่พบผู้ป่วย แต่คนที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตก็เป็นคนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่มีการระบาดของโรค ทำให้คนไม่ออกเดินทางท่องเที่ยว

ส่วนกรณีที่มีการพิจารณาเรื่องของการกลับมาปิดโรงแรมอีกรอบนั้น จากการสอบถามโรงแรมในพื้นที่พบว่า มีบางส่วนที่มีแนวโน้มสูงที่จะปิด โดยขณะนี้ได้มีการสอบถามไปประมาณ 10 โรงแรม พบว่า ในจำนวน 10 โรงแรม มีถึง 3 โรงแรมที่ยืนยันว่าจะปิดตัวอีกครั้งแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกวันได้ เพราะที่ผ่านมา การเปิดให้บริการก็รับภาระขาดทุนอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักบ้างแต่ในส่วนของโรงแรมเองก็มีการแข่งขันกันสูงมากในการอัดโปรโมชันกันอย่างเต็มที่จนไม่ได้อะไรอยู่แล้ว บางโรงแรมทานอาหารครบ 2 พัน พักฟรี 1 คืน ซึ่งการกลับมาปิดโรงแรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตคิดว่าเป็น 10 โรงแรมแน่ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจำนวนเท่าไหร่

นายก้องศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวโน้มการท่องเที่ยวของภูเก็ตในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่นั้น คิดว่าน่าจะมีผลกระทบไปจนถึงปี 67 จากเดิมที่เรามองว่าการท่องเที่ยวภูเก็ตน่าจะเริ่มกลับมาประมาณปลายปี 64 และเริ่มดีขึ้นในปี 65 แต่เมื่อมีการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถจบได้เร็ว ความหวังที่การท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวก็ต้องเลื่อนออกไป คิดว่าน่าจะซบไปถึงปี 67 แม้ว่าขณะนี้คนไทยเริ่มจะคุ้นชินกับโรคระบาดแล้วก็ตาม แต่การตัดสินใจไปท่องเที่ยวยังต้องรอเพื่อให้เกิดความพร้อมและความมั่นใจมากที่สุด หลังจากนี้เชื่อว่าคนยังไม่มีอารมณ์ที่จะท่องเที่ยว


 ประกอบกับนักท่องเที่ยวคนไทยที่เป็นตลาดหลักเป็นคนที่มาจากกรุงเทพฯ แต่ ณ เวลานี้พื้นที่ดังกล่าวพบว่ามีผู้ติดเชื้อและมีการขอความร่วมมือห้ามเดินทางเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นอีก 27 จังหวัด ก็ยอมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน หรือแม้แต่เจ้าของโรงแรมเองก็คิดหนักในการรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้คล้ายกับการระบาดรอบแรกที่การเดินทางไปไหนคนก็จะต้องคอยระวัง

“ถ้ามองการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตปีนี้คิดว่าถึงขีดสุดแล้วนับเป็นการเผาจริงแล้ว หลังจากปีที่แล้วเป็นการเผาหลอก เพราะปีนี้นับว่าทุกธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวตายจริงๆ ตายทุกกลุ่มไม่ว่าคนที่มีสายป่านยาว หรือสายป่านสั้นปีนี้ตายเหมือนกัน และเชื่อว่าถ้าภาครัฐไม่เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการต่อลมหายใจด้วยการช่วยเหลือในเรื่องของเงินกู้ soft loan และมาตรกการในเรื่องของการพักชำระหนี้ รวมทั้งมาตรการเรื่องของดอกเบี้ย โดยการไปคุยกับธนาคารต่างๆ เพื่อให้ขยายมาตรการช่วยเหลือออกไปอีกซึ่งจะเป็นการต่อลมหายใจให้แก่ผู้ประกอบการ” นายก้องศักดิ์ กล่าวและว่า

หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ เชื่อว่าในส่วนของผู้ประกอบการโรงแรม และเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจำนวนมากอาจจะต้องยกธงขาวเพื่อยอมแพ้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถเดินต่อไปได้แล้ว และในปีนี้เราอาจจะเห็นเจ้าของโรงแรมยอมเทขายโรงแรมจำนวนมากขึ้น ซึ่งอาจจะยอมถึงขั้นการลดราคา 50-60% ยอมขาดทุน เพราะไม่สามารถจะเดินต่อไปได้จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้คาดการณ์กันว่าอาจจะใช้เวลาแค่ 2 ปี ก็น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว อาจจะต้องใช้เวลานานมากขึ้นจนถึงปี 67 ซึ่งปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวหายไปมาก จากตรวจสอบตัวเลขนักท่องเที่ยวผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต พบว่า ลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ทำให้การท่องเที่ยวยังไม่สามารถไปต่อได้

ด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวถ้าเปรียบเทียบผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดรอบแรก และระลอกใหม่คิดว่าแทบจะไม่แตกต่างกันเพราะกระทบมาตลอด ครั้งแรกเราได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบิน จนกระทั่งมีการปิดล็อกดาวน์ตำบล ครั้งนี้แม้จะไม่มีการล็อกดาวน์ แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยจะเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ระบาดซึ่งขณะนี้งดการเดินทาง ซึ่งจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดไว้ แม้จะว่าจะยังมีผู้เดินทางเข้ามาก็ตาม ฉะนั้นในแง่ธุรกิจจากการประเมินของสมาคมฯ มีความลำบากพอสมควร

“ปัจจัยที่สำคัญมากๆ ในขณะนี้ คือ การควบคุมการแพร่ระบาดทั้งจากต้นทางและปลายทาง ซึ่งต้นทางมีกระบวนการควบคุมอยู่แล้ว แต่ในส่วนของปลายทางจะว่าอย่างไร เพราะไม่ได้เป็นการควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมากนัก หากปล่อยให้เยิ่นเย้อคงไม่ได้ แม้ว่าจะมีการพูดคุยกันมาโดยตลอดว่า คงเป็นไม่ได้ที่จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์แต่อย่าเป็นคลัสเตอร์ที่กระจายออกไป เมื่อพบมีการติดก็ให้มีควบคุมดูแลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจกับการควบคุมการแพร่ระบาดเดินไปด้วยกันได้

แต่ขณะนี้น้ำหนักน่าจะไปอยู่ที่การควบคุมการแพร่ระบาดมากกว่า ซึ่งภาคธุรกิจเองก็ให้ความสำคัญ เพราะเราเองมองว่าต่อให้ภูเก็ตควบคุมได้แต่หากมีการแพร่ระบาดอยู่ก็ไม่มีใครมาอยู่ดี ซึ่งก็โดนทั้งขึ้นและล่อง พี่น้องเราในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดซึ่งต้องให้กำลังใจกันมากๆ เป็นลูกค้าของภูเก็ตอยู่แล้วก็มาไม่ได้ ดังนั้น ภูเก็ตก็ต้องรักษาตัวให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เมื่อสถานการณ์คลี่คลายดีขึ้นทำให้สามารถเดินทางมาได้ง่ายขึ้น”

นายภูมิกิตติ์ กล่าวถึงการปรับตัวของผู้ประกอบการว่า ไม่ทราบว่าจะปรับกันอย่างไรแล้วเปรียบเหมือนผ้าชุบน้ำก็บิดกันจนแห้งไปแล้ว ค่อนข้างเหนื่อยแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจแม้ว่าจะมีโจทย์ที่หนักอยู่หลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่อยากให้คำนึงตลอดเวลา คือ การระบาดจะมีการจบในวันใดวันหนึ่ง จากนั้นจะเป็นการเดินต่อในเรื่องเศรษฐกิจ หากสามารถประคับประคองผู้ประกอบการให้อยู่รอดได้ เมื่อการระบาดสิ้นสุดก็จะสามารถทำให้เดินเครื่องต่อได้ แต่หากปล่อยให้เขาล้มจะเป็นผลลบมากกว่า และจะทำให้เศรษฐกิจซึมยาวต่อไป

สิ่งที่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาช่วยในระยะนี้รัฐบาลคงต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการแพร่ระบาดก่อน ซึ่งมีอยู่หลายวิธี เพราะหากการแพร่ระบาดยังกระจายเป็นประกายไฟไปตกตามที่ต่างๆ การท่องเที่ยวไม่กลับมาแน่นอน เพราะการท่องเที่ยวจะกลับมาได้เมื่อมีอารมณ์ของการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อารมณ์ของผู้คนไม่มา ดังนั้น จึงต้องไปดูแลควบคุมการแพร่ระบาดก่อน ไปดับประกายไฟให้หมดก่อน จากนั้นจึงมาดูเรื่องการท่องเที่ยว แต่ระหว่างนี้ที่บอกว่าจะต้องประคับประคองผู้ประกอบการซึ่งมีอยู่ 3 เรื่องหลัก คือ หนี้ที่มีอยู่ ถัดมาเรื่องแรงงาน และค่าสาธารณูปโภค เพราะการท่องเที่ยวจะมี 2 ฝั่งคือ ดีมานด์กับซัปพลาย ซึ่งฝั่งดีมานด์ แม้จะมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งดีมาก แต่ ณ เวลานี้คงไม่มีใครเที่ยว เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรค


กำลังโหลดความคิดเห็น