นราธิวาส - ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสย้ำเตือนให้ประชาชนร่วมกันสวมหน้ากากอนามัย หรือแบบผ้า 100 เปอร์เซ็นต์ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ และตรวจคัดกรองโรคโควิด–19 อย่างเข้มข้นในทุกด่าน
วันนี้ (5 ม.ค.) นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส ครั้งที่ 6/2564 แจ้งเรื่องสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายในประเทศ และในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งที่ประชุมยังได้ร่วมกันพิจารณามาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
โดยได้มีมติให้ออกคำสั่ง เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งเมื่อออกจากเคหะสถาน ฝ่าฝืนมีโทษปรับ เรื่องการควบคุมผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงผ่านพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด ที่จะมีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่โดยสารทางรถโดยสาร รถไฟ เครื่องบิน และที่ประชุมได้มอบอำนาจให้นายอำเภอออกคำสั่งจัดตั้งด่านชุมชน เพื่อคัดกรองผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสได้เน้นย้ำถึงมาตรการควบคุมพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น ตลาดนัด ซึ่งต้องมีมาตรการปฏิบัติสำหรับเจ้าของ พ่อค้าแม่ค้า และผู้ใช้บริการ โดยเน้นย้ำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและนายอำเภอกำกับดูแลร่วมกันทุกตลาด ในด้านมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าว สำนักงานแรงงานจังหวัดนราธิวาสได้มีการออกตรวจเยี่ยมสถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว รวมทั้งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้าออกในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
สำหรับการประกาศสถานที่กักกันจังหวัดนราธิวาสเพิ่มเติม โดยให้อำเภอมีสถานที่กักกันอย่างน้อยอำเภอละ 2 แห่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสกำชับว่าหากมีการแพร่ระบาดในสถานที่ใดอาจจะต้องมีการปิดสถานที่นั้นตามกฎหมายต่อไป สำหรับส่วนราชการซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่กลับจากต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ ควรจดบันทึกไทม์ไลน์ของตนเองในแต่ละวันว่าไปที่ไหนมาบ้าง ทั้งนี้ หากติดเชื้อข้อมูลที่บันทึกจะช่วยให้แพทย์สามารถค้นหาผู้สัมผัสโรค และควบคุมป้องกันการระบาดของโรคได้โดยเร็ว
ขณะที่ทางด้าน นางดวงพร สุวรรณมณี ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนราธิวาส ได้สั่งการให้ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยปรับเส้นทางเดินของผู้โดยสารขาเข้าให้ผ่านเครื่องตรวจอุณหภูมิร่างกาย (เทอร์โมสแกน) ทีละคน เพื่อให้ผลตรวจวัดอุณหภูมิแม่นยำมากยิ่งขึ้น และสามารถบันทึกใบหน้ารายบุคคลได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้สามารถตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนหลังได้ง่าย ทั้งนี้ อาจทำให้กระบวนการขาเข้าของผู้โดยสารช้าลงเล็กน้อย
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 745 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,439 ราย หายป่วยแล้ว 4,352 ราย ยังรักษาตัวอยู่ 4,022 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตสะสม 65 ราย รายละเอียดผู้เสียชีวิตรายที่ 65 เป็นชายไทยอายุ 56 ปี มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภูมิลำเนากรุงเทพมหานคร