xs
xsm
sm
md
lg

จะลุกเองหรือรอให้เขามาอุ้ม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 
คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก / โดย... ปิยะโชติ อินทรนิวาส
 
 
คงจะมีการจัดเฉลิมฉลองตามสภาพในอีกไม่นานนี้ แม้ไม่ได้เป็นการประกาศชัยชนะ แต่ช่วงก่อนเปลี่ยนศักราชใหม่จากปีโควิดสู่ปีโคถึก ภาพหน้าตาของบรรดานักสู้แห่งจะนะที่ลุกขึ้นต้านนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตของ 2 ทุนยักษ์ใหญ่ล้วนดูแล้วอิ่มเอิบ มีรอยยิ้มประพิมพริ้มพรายแห่งความภูมิใจในผลสำเร็จแฝงไว้บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัดไปตามๆ กัน

จากภาพที่ปรากฏใหม่ไม่กี่วันมานี้ทำให้ต้องหวนไปทบทวนภาพจำเก่าๆ ราว 2 ทศวรรษก่อน เมื่อครั้งที่พี่น้องจะนะลุกขึ้นเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ หยัดยืนขึ้นต้านโรงแยกก๊าซและท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย มีการบริหารจัดการค่อนข้างกระชับ ดูมีพลังมาก แต่ระหว่างกรำศึกชนิดที่ต้องหลั่งเลือดทาท้องถนนกลางเมืองหาดใหญ่ เวลานั้นก็ได้มีโอกาสเห็นการเฉลิมฉลองในลักษณะเดียวกัน

ภาพเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2563 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ควงคู่ อ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน สายตรงที่รับประกาศิตจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้นำคณะลงพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เยี่ยมเยือนและเปิดห้องคุยกับฝ่ายที่ลุกขึ้นค้านสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ขณะที่ฝ่ายหนุนทำได้เพียงแค่ได้ดักคุยระหว่างเดินทางเท่านั้น ถือเป็นภาพข่าวการเมืองสุดท้ายก่อนสิ้นปีที่เป็นที่รับรู้ของผู้คน ประทับใจคนใต้ แถมน่าจะตราตรึงชาวสงขลาและจะนะไปอีกนาน

คุณธรรมนัส นำคณะล่องใต้ด้วยมาดจริงจังครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากที่พี่น้องจะนะรวมตัวกันหลายสิบคนขึ้นไปม็อบปักหลักพักค้างประท้วงหน้าตู้คอนเทนเนอร์ บนสะพานชมัยมรุเชฐ ปากทางเข้าทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.2563 โดยมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา นักร้อง ศิลปินและประชาชนมากมายแวะเวียนไปให้กำลังใจไม่ขาดสาย ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งร้องรำทำเพลง สร้างงานศิลปะ และที่เป็นภาพติดตาคือ แหวกลวดหนามเพนรูปมุสลิมม๊ะขนาดใหญ่บนตู้คอนเทนเนอร์

นอกจากนั้น ยังมีม็อบคณะราษฎรเคลื่อนขบวนไปสมทบอย่างเอิกเกริก ถือเป็นการเติมพลังต่อรองอย่างมีนัยสำคัญ จนรัฐบาลต้องรีบหาทางยุติประท้วงด้วยการส่งหลายทีมไปคุย สุดท้ายวันที่ 14 ธ.ค.2563 จบลงด้วยทีมคุณธรรมนัส ที่รับมอบหมายจากบิ๊กป้อม ไปเจรจาให้กลับบ้านได้สำเร็จ พร้อมๆ กับรับปากจะยกคณะลงมาคุยถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องในพื้นที่ด้วยดังกล่าว

จากนั้นวันที่ 15 ธ.ค.2563 คุณธรรมนัส นำผลการเจรจาไปแจ้งให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ ซึ่งมีข่าวจากจิ้งจกในห้องประชุมบอกเล่าว่ามี 1 รัฐมนตรีที่พื้นเพเป็นชาวสงขลา ซึ่งว่ากันว่ารับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี แต่จะมีส่วนร่วมในการสรรหาที่ทางให้กลุ่มทุนระดับไหนหรือไม่ อย่างไร เรื่องนี้จิ้งจกไม่ได้แจ้ง ให้ข้อมูลแต่เพียงว่าได้แสดงอาการไม่พอใจอย่างมากที่รัฐบาลยื่นมือเข้าไปเกี่ยวเกาะในเรื่องนี้ เช่นเดียวกันหลังจากที่ทีมคุณธรรมนัสลงพื้นที่จะนะแล้วกลับไปรายงานให้ ครม.ทราบอีกหน จิ้งจกทำเนียบก็ไม่ลืมรายงานบรรยากาศแบบที่รัฐมนตรีคนเดิมแสดงอาการแบบเดิมๆ อีกคราครั้ง

แต่ไหงภาพความเอาใจใส่แก้ปัญหาให้พี่น้องชาวจะนะจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ช่างดูดีในเวลานี้ ทำไมมันคุ้นๆ กับภาพจำถึงผู้นำรัฐบาลในอดีตเคยรังสรรค์ไว้อีกแล้ว สมัยที่คุณทักษิณ ชินวัตร ขึ้นนั่งบัลลังก์นายกรัฐมนตรีไม่นาน เดือน พ.ค.2544 ก็มอบหมายให้คุณภูมิธรรม เวชยชัย เป็นตัวแทนนายกฯ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาและสภาพความขัดแย้งของโครงการโรงแยกก๊าซและท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ต่อมาวันที่ 4 ม.ค.2545 คุณทักษิณ ถึงกับตัดสินใจลงลุยลานหอยเสียบด้วยตัวเอง

ทว่า ปลายปีเดียวกันนั้นในคืนวันที่ 20 ธ.ค.2545 ก่อนที่ประชุม ครม.สัญจร ณ โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง รัฐบาลทักษิณก็สั่งสลายการชุมนุมของม็อบพี่น้องจะนะบริเวณด้านหน้าโรงแรมหรูแห่งนั้นจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ภาพตำรวจใช้ไม้กระบองทุบตีและฉุดกระชากลากถูผู้ชุมนุมเลือดทาท้องถนนสร้างความสะเทือนใจผู้คนไปทั่วโลก

เหตุที่เอาภาพกำลังตรึงตราประทับใจไปเปรียบเทียบกับภาพไม่น่าพิสมัยในอดีตกาล เพียงอยากจะบอกว่าขนาดรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาตามระบอบประชาธิปไตยค่อนข้างเข้มข้นยังทำได้ถึงขั้นนั้น แล้วจะหวังอะไรกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากรัฐประหาร ที่เวลานี้แค่สวมสูทให้เห็นว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่กลับยังไม่ยอมถอดรองเท้าบู๊ตเปลี่ยนไปใส่คัทชูให้ดูเหมาะสมเลย

บิ๊กตู่ประกาศไว้นานแล้วเวลานี้บ้านเมืองเราเข้าสู่ Thailand 4.0 หรือยุคดิจิทัลที่อะไรต่อมิอะไรก็ถูกปั่นป่วน (disruption) ไปหมด แถมยังมีโควิด-19 ยังไล่ขวิดเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบติดเทอร์โบยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น ในระดับสังคมหรือปัจเจกจึงมีแต่ต้องทำความเข้าใจการใช้ชีวิตให้สอดรับกับวิถีนี้ โดยต้องก้าวให้ข้ามทางวัฒนธรรม (cross cultural) สู่ความหลากหลาย (diversity) แล้วสร้างเครือข่าย (networking) เพื่อให้เกิดการพึ่งพาซึ่งกันและกัน (independence) เพียงแต่เจ้าตัวคนพูดจะเข้าใจบ้างหรือเปล่าไม่ทราบได้

จึงอย่าได้แปลกใจที่การไปม็อบหน้าทำเนียบของพี่น้องจะนะหนล่าสุด เป้าประสงค์หลักต้องการให้เกิดการหยุดการศึกษา EHIA และ EIA รวม 4 ฉบับของโครงการดันตั้งจะนะเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต รวมถึงท่าเรือน้ำลึกและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ 2 ยักษ์เครือ TPI กับ IRPC ทุ่มทุนลงแรงและมีแผนจะให้เริ่มลงมือทำด้วยการจัดเวทีใหญ่ในวันที่ 6 ม.ค.2564 ที่เพิ่งผ่านมา ซึ่งก็สามารถกดดันให้มีอันต้องเลื่อนได้สำเร็จตามผลเจรจากับทีมคุณธรรมนัส ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ถ้าอ่านตามเกมการเมืองก็น่าจะเห็นความจริงประการสำคัญว่า แท้จริงแล้วรัฐบาลชุดนี้แทบไม่ได้หวั่นไหวอะไรเลยกับม็อบจะนะ แต่ความที่ช่วง ธ.ค.ปี 2563 มีม็อบราษฎรขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวคึกคักแบบสุดๆ ธรรมะจึงจัดสรรให้ 2 ม็อบได้มาหลอมรวมผสมผสานกันแนบสนิท เกิดการก้าวข้ามทางวัฒนธรรม สู่ความหลากหลาย แล้วสร้างเครือข่าย เพื่อให้พึ่งพาซึ่งกันและกันได้อย่างนวลเนียน

สิ่งนี้ต่างหากที่น่าจะเป็นเงื่อนปมหลักให้รัฐบาลต้องยอมอ่อนข้อเพื่อส่งชาวจะนะกลับบ้านโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะเป็นการไปเติมพลังให้กลุ่มคนที่พยายามดันทะลุและทลายเพดานเพิ่มไปอีก

จึงอย่าได้แปลกใจที่ภาพข่าวหลายสำนักนำเสนอช่วงพี่น้องจะนะเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน นอกจากจะได้เห็นใบหน้าของบรรดาม๊ะๆ กระทั่งป๊ะๆ ผู้ห้าวหาญในม็อบเปื้อนยิ้มถ้วนหน้าแล้ว หลายคนยังส่งเสียงดังฟังชัดว่ารักเลยบ้าง สุดปลื้มปีติและยินดีที่ได้คนต่างเจเนอเรชันมาช่วยสนับสนุนเติมพลังของการต่อกรรัฐบาล ที่สำคัญมีการสวมกอดและหลั่งน้ำตาให้กันและกัน โดยเฉพาะมีภาพของแม่ยกม็อบยุคใหม่คนสำคัญด้วย นี่ต้องถือเป็นผลจากธรรมะจัดสรรอีกนั่นแหละ

ควรต้องกล่าวไว้ที่นี้ด้วยว่า ไม่ว่ากลุ่มคนที่มารวมตัวกันจะเรียกชื่อเป็นม็อบอะไรก็ตาม ม็อบราษฎร ประชาชน เยาวชน นิสิตนักศึกษา เด็กอาชีวะ เด็กเลว เด็กเปรต ศิลปิน กระทั่งกลุ่มคนหลากเพศสภาพ ล้วนมีความรู้สึกแบบเดียวกันว่ามันมีระบบ ระเบียบ กฎเกณฑ์ หรือมีโครงสร้างอย่างใดอย่างหนึ่งกดทับพวกเขาอยู่ ไม่ว่าจะถูกกระทำด้วยมิติไหนก็ตามล้วนเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียม ไร้เสรี อิสระและภาราดรภาพ จะเรียกมันว่าระบบอุปถัมภ์ อำมาตย์-ไพร่ ศักดินา-ประชาราษฎร์ อำนาจนิยมที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรืออะไรต่อมิอะไรก็ได้ ซึ่งมีแต่ต้องลุกขึ้นมาต่อต้านหรือปฏิบัติการชู 3 นิ้วเท่านั้นที่จะช่วยลดความกระอักกระอ่วนได้

นับเนื่องจากเปลี่ยนศักราชสู่ปีฉลู 2564 จับความเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้วต่างๆ ว่าจะก้าวเดินไปในทิศทางใด ที่ผ่านมามีความพยายามส่องไปยังแกนนำต่างๆ แต่ก็ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ยังดีที่มีแม่ยกวงในให้สัมภาษณ์สื่อไว้ล่าสุดด้วยการชี้แนวโน้มว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะมีการยกทัพเอาบรรดาแกนนำและดาวไฮปาร์ก รวมถึงมวลชนต่างๆ ที่เคยกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ให้กระจายออกไปต่างจังหวัดในทุกภูมิภาค จากที่ส่วนกลางเกี่ยวร้อยเข้ามา จากนี้ไปจะเปิดโอกาสให้ต่างจังหวัดเกี่ยวร้อยเอากลับไปบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ถูกกดทับทุกกลุ่มก้อนได้เติมพลังให้แก่กันและกัน

ถ้าทิศทางความเคลื่อนไหวจะกระจายออกศูนย์กลางอย่างที่ว่าจริง นับเป็นเรื่องระทึกของผู้คนต่างจังหวัดต้องคอยจับจ้องกันต่อไป โดยเฉพาะกับภาคใต้ผู้คนตลอดคาบสมุทรกำลังถูกมะรุมมะตุ้มด้วยอภิมหาเมกะโปรเจกต์ และเมกะโปรเจกต์มากมาย ไม่ใช่แค่จะนะเมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตเท่านั้น ยังมีระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) คลองไทย แลนด์บริดจ์เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน ถนนมอเตอร์เวย์ เขื่อน เหมือง คลองระบบน้ำ  

รัฐไม่เคยให้ภาพว่าทำไว้เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของอะไร ต้องการพัฒนาแผ่นดินด้ามขวานอย่างไร แต่ก็เคยมีผู้ชี้ประเด็นไว้บ้างแล้วว่านำไปสู่การปลุกปั้น “ศูนย์กลางพลังงาน-ขนส่งโลก” ซึ่งจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ก็ต้องจับตากันต่อไป

ที่ผ่านมา มีกลุ่มก้อนผู้ได้รับผลกระทบเป็นที่ประจักษ์จากโครงการพัฒนาขนาดใหญ่เหล่านี้มากมาย หาใช่เพียงพี่น้องจะนะเท่านั้น จึงเป็นไปได้หรือไม่ที่แต่ละชุมชนจะรวมแรงร่วมใจกันลุกหยัดยืนขึ้นอีกระลอก แล้วพร้อมยืนมือเกี่ยวร้อยกับบรรดาผู้เดือดร้อนที่ถูกระบบ ระเบียบ กฎเกณฑ์หรือโครงสร้างอย่างที่ว่ากดทับอยู่เหมือนๆ กัน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคใต้ด้วยกัน ภูมิภาคอื่นๆ หรือจากส่วนกลาง หรือว่าจะรอให้ธรรมะจัดสรรอย่างที่ผ่านๆ มา


กำลังโหลดความคิดเห็น