คอลัมน์ : จากเจ้าพระยาถึงนาบอน / โดย... ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
เมื่อไม่รังเกียจ “ขี้” ย่อมมี “ความมั่งคั่ง มีทองคำซ่อนในแผ่นดิน”
นี่เหมือนเป็นบทสรุปของวัฒนธรรมเกษตรที่สร้าง “ชาติจีน” ให้มั่งคั่งมั่นคงจนก้าวขึ้นเป็น “มหาอำนาจ” ได้ในวันนี้
ไทยเราไม่ตั้งคำถามกันบ้างหรือว่า “ญี่ปุ่น” ที่มีประชากร 126 ล้านคน ประเทศเป็นเกาะเล็กๆ ผืนแผ่นดินก็มีน้อยกว่าประประเทศไทยเรา ชาวญี่ปุ่นเขาเอา “ขี้คน” ไปกำจัดอย่างไร
ไทยเราไม่ตั้งคำถามกันบ้างหรือว่า “เกาหลีใต้” ที่มีประชากร 52 ล้านคน ความหนาแน่นของประชากร 507 คนต่อตารางกิโลเมตร ชาวเกาหลีใต้เขาเอา “ขี้คน” ไปไว้ที่ไหน
เช่นเดียวกันไทยเราไม่ตั้งคำถามกันบ้างหรือว่า ประชากรไทยเกือบ 70 ล้านคน มีความหนาแน่นของประชากรแค่ 128 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร แล้วทำไมคนไทยส่วนใหญ่ยัง “ยากจน” คนชนบทที่ส่วนใหญ่ทำการเกษตรก็ยังเป็นหนี้เป็นสินกันถ้วนทั่ว
ยุคของ “ท่านประธานเหมา เจ๋อตุง” ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมบนแผ่นดินจีน นักเรียนนักศึกษามีกิจกรรมที่ร่วมกันทำเพื่อสรรค์สร้างประโยชน์ให้แก่แผ่นดินจีน หนึ่งในนั้นมีการขน “ขี้คน” ไปใช้บำรุง “ดิน” โดยนำสิ่งที่ร่วมกันขับถ่ายไว้ที่โรงเรียนตักใส่ถังรองรับขนาดใหญ่ แล้วช่วยกันเข็นไปส่งมอบให้ชาวนาชาวไร่รอบๆ โรงเรียน
ถามว่าแล้วคนไทยหรือเยาวชนไทยเรามีเคยประสบการณ์ที่ได้ร่วมกันสร้างภูมิปัญญาในเรื่องแบบนี้หรือไม่
สามารถบอกได้หรือไม่ว่า กระบวนการใช้ประโยชน์จาก “ขี้คน” ทั้งที่จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ล้วนมีทักษะการทำการเกษตรแบบใช้ “ปุ๋ยธรรมชาติ” จากของที่ขับถ่ายออกจากมนุษย์ มีซึ่งก็มาแต่ไหนแต่ไรยุคโบราณกาลต่อเนื่องจนมาถึงทุกวันนี้
ภาพที่นำมาให้ชมคือ “ถังไม้สน” ที่เกษตรกรชาวจีนตัก “ปุ๋ย” ใส่แล้วขนไปบำรุง “ดิน” ใช้เพาะปลูกพืชผักเพื่อการบริโภค และถือเป็นกิจวัตรของการงาน “อันเบิกบาน” เอาเสียด้วย
ตามบ้านเรือนในชนบทห่างไกล หรือบ้านประจำตระกูลใหญ่ๆ ในบริเวณบ้านแต่ละหลังจะปรากฏ “ถังไม้” ตั้งตระหง่านให้เห็น
ในภาพถ่ายที่เอามาฝากมีภาพ “ถังไม้” ขนาดใหญ่ที่เคยตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ในบ้านที่มีอายุกว่า 700 ปีในมณฑลฮกเกี้ยนของจีนมาให้ชมกันด้วย มันคือภาชนะเก็บปุ๋ยที่มนุษย์ผลิตขึ้นเองแล้วนำไปบำรุงดิน
มีภาพพืชผักที่ขายอยู่ในตลาดชุมชนในชนบทของจีนที่มองเห็นแล้วอนุมานได้น่าจะทั้ง “กรอบ” และ “อร่อย” เพราะปราศจากสารเคมีใดๆ ที่ก่อ “มะเร็ง”
มีภาพที่อยากจะบอกคนไทยไม่ว่า “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของจีน หรือ “เหริน เจิ้ง เฟย” ประธานผู้บริหารของหัวเว่ย ล้วนคือถือกำเนิดและเติบโตจากวัฒนธรรมการเกษตรกรรมภูมิปัญญาจีนนั่นแหละ
มีภาพปกหนังสือที่ “ดร.คิมยองคี” ผู้ก่อตั้ง “โรงเรียนชาวนาคันนาอาน” ในเกาหลีใต้ ผู้ปลุกกระแสเกษตรอินทรีและนำ “ขี้คน” กลับสู่ความเป็น “ปุ๋ยธรรมชาติ” ซึ่งก็คือหนึ่งในพลังขับดันให้ชาติเขาจะก้าวมามายิ่งใหญ่จนถึงวันนี้
หนังสือเล่มนี้ผมได้รับเมื่อครั้งร่วมคณะ “พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” ผู้ก่อตั้งโรงเรียนผู้นำในบ้านเราเดินทางไปศึกษาดูงานที่เกาหลีใต้เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งหนึ่งในเรื่องที่เราไปร่วมเรียนรู้กันก็คือ “โรงเรียนชาวนาคันนาอาน” นั่นเอง
เหล่านี้คือ “วัฒนธรรม” การทำเกษตรกรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เคยมีการประมาณว่าน่าจะมาก่อนที่ “ท่านขงจื้อ” ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นพิภพเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนด้วยกระมัง