ศูนย์ข่าวภาคใต้ - นักท่องเที่ยวหลายสัญชาติถูกหลอกต่อวีซ่านักเรียน สามารถทำให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นเวลา 1 ปี อ้างรู้จักตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แห่ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเกาะพะงัน
วันนี้ (30 ต.ค.) มีนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติ ประกอบด้วย สัญชาติเยอรมัน อเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ได้มาขอความช่วยเหลือว่า ตนถูกหลอกลวงให้ทำวีซ่านักเรียนเพื่อให้สามารถพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ 1 ปี ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อน และสูญเงินเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวหลายสัญชาติที่ได้สมัครเรียน และทำวีซ่านักเรียนกับโรงเรียนแห่งนี้ จึงได้เดินทางมาที่หน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน โดยมี นายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอเกาะพะงัน พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 5 เกาะสมุย พนักงานสอบสวนเวร สภ.เกาะพะงัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเกาะพะงัน อาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน
โดยโรงเรียนสอนภาษาดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ศรีธนู ชื่อดังแห่งหนึ่งในเกาะพงัน โดยมีครูโรงเรียนดังกล่าวพูดชักชวนให้นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ สมัครเรียนในโรงเรียนที่เกิดเหตุ โดยอ้างว่าหากสมัครเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวแล้ว ทางโรงเรียนจะดำเนินการต่อวีซ่าให้ โดยจะเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียน ED-Visa ให้ ซึ่งสามารถทำให้นักท่องเที่ยวพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งในขณะนั้นผู้เสียหายมีวีซ่าแบบอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไทยได้ (Non-B) อยู่แล้ว
ซึ่งทางครูโรงเรียนดังกล่าว บอกกับผู้เสียหายว่า สามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ โดยผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี หากตกลงสมัครทำวีซ่ากับทางโรงเรียนจะต้องจ่ายค่าดำเนินการ พร้อมค่าสมัครเรียนทั้งหมดเป็นเงิน 40,000 บาท ทำให้นักท่องเที่ยวหลงเชื่อ จึงได้ตกลงให้ทางโรงเรียนดำเนินการให้ โดยมอบหนังสือเดินทางให้ และมอบเงินให้งวดแรกเป็นเงิน 20,000 บาท และได้รับใบเสร็จรับเงิน ทางโรงเรียนบอกว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 26 กันยายน 2563
ต่อมา ผู้เสียหายเห็นว่าทางโรงเรียนไม่มีความคืบหน้าที่จะดำเนินการให้กับผู้เสียหายใดๆ จึงได้เดินทางไปสอบถามที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลปรากฏว่าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแจ้งกับผู้เสียหายว่าไม่สามารถเปลี่ยนวีซ่า (Non-B) ให้เป็นวีซ่านักเรียน (ED-วีซ่า) ได้ และให้เดินทางกลับมาที่เกาะพะงัน เพื่อเรียกขอเงินคืนจากทางโรงเรียน แต่เมื่อผู้เสียหายเดินทางกลับเข้ามาที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ ทางครูโรงเรียนบอกว่าไม่สามารถคืนเงินให้ได้ และได้ดำเนินการไปแล้วซึ่งไม่เป็นความจริง จึงเชื่อว่าทางโรงเรียนมีเจตนาปกปิดความจริงเพื่อหลอกลวงเอาเงินของนักท่องเที่ยวผู้เสียหายไป จนนักท่องเที่ยวผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้รับความเสียหาย
นักท่องเที่ยวจึงได้นัดกันรวมตัวมาที่หน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน เพื่อขอความช่วยเหลือ และได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ และมอบคดีให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกว่าคดีถึงที่สุด และขอเรียกร้องเงินคืนจากทางโรงเรียนสอนวิชาชีพเกาะพะงัน หมู่ 8 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี
สำหรับความเสียหายในครั้งนี้ มีชาวต่างชาติได้รับความเสียหายกว่า 100 คน และคิดเป็นจำนวนเงินประมาณกว่า 5 ล้านบาท ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจของประชาชน ผู้บังคับบัญชา และยังส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพของตำรวจอีกด้วย