ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ศอ.บต.ออกบทความเปิดศึกซัด “เอ็นจีโอ” อยู่เบื้องหลังค้านโครงการ “จะนะ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” เสี้ยมประมงพื้นบ้านแค่ 200 คนให้ค้านทุกโครงการ ฝังหัวกว่า 20 ปีว่าอุตสาหกรรมทุกประเภทคือตัวทำลายท้องทะเล-สิ่งแวดล้อม อาชีพประมงจะล่มจม ทำ “ไอโอ” สร้างตำนานเฒ่าทะเล-ลูกสาวท้องทะเลจะนะ หวังแย่งซีนจากสื่อ ยันเดินหน้าโครงการ เชื่อสร้างประโยชน์ให้ประชาชน
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต อ.จะนะ จ.สงขลา ล่าสุด ศูนย์อํานวยการ บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เผยแพร่บทความในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ ศอ.บต. www.sbpac.go.th ในหัวข้อ “เอ็นจีโอค้านทำไม ทั้งๆ ที่ประชาชนได้ประโยชน์” โดยระบุว่า ผู้เห็นต่างในโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 กลุ่ม ดังนี้ (1) กลุ่มคัดค้าน ที่มีอาชีพประมงพื้นบ้านภายใต้ร่มเงาของเอ็นจีโอ ซึ่งไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนในพื้นที่ จ.สงขลา เพราะเป็นผลผลิตที่เอ็นจีโอเมื่อ 20 ปีก่อนปลูกฝังให้ประมงพื้นที่บ้านต่อต้านการเกิดขึ้นของโรงงานแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่ ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ ด้วย “มอตโต” ที่ติดปากคนในพื้นที่คือ “มึงสร้างกูเผา” ต่อด้วยการต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
“ถ้านับจำนวนเฉพาะคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพประมง น่าจะไม่เกิน 200 คน แต่เป็น 200 คน ที่ถูกปลูกฝังให้ต่อต้านทุกโครงการแบบกัดไม่ปลอย เพราะเชื่อว่า อุตสาหกรรมทุกประเภท คือตัวการทำลาย ล้างท้องทะเลให้สัตว์น้ำสูญหาย สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย อาชีพประมงล่มจม"
(2) กลุ่มต่อต้านที่ต้องการผลประโยชน์จากโครงการ ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติ กลุ่มนี้จะต่อต้านแบบมีข้อเรียกร้อง เช่น พร้อมที่จะสนับสนุน แต่มีเงื่อนไขว่า โครงการจะต้องให้ในสิ่งที่ต้องการ หรือให้กลุ่มของตนเองมีส่วนร่วมในประโยชน์ที่ได้รับ (3) กลุ่มนักวิชาการเครือข่ายในชื่อต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมา เพื่อต่อต้านโครงการใหญ่ของรัฐและของกลุ่มทุน โดยเชื่อว่า อุตสาหกรรมคือตัวทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่ง มลพิษ และเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของคนในพื้นที่
และ (4) ขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น ที่อาศัย “ปีกทางการเมือง" ในรูปแบบภาคประชาสังคมกว่า 30 กลุ่ม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ซึ่งจะแนบแน่นกับเครือข่ายของกลุ่มหรือองค์กรสิทธิมนุษยชน และเอ็นจีโอระดับชาติและระดับสากล เพื่อขยายความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนให้เกิดเงื่อนไขให้มากที่สุด
“แต่กลุ่มต่อต้านหรือเห็นต่างที่สังคมเห็นชัดเจนที่สุดคือ กลุ่มประมงพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 200 คน ที่อยู่ภายใต้ปีกโอบของเอ็นจีโอ เพราะเอ็นจีโอเป็นผู้วางแผนในการใช้วาทกรรมและใช้ช่องทางการสื่อสารในการทำไอโอที่เหนือกว่าหน่วยงานของรัฐหลายเท่า เช่น การสร้างเฒ่าทะเล เพื่อเล่าตํานานความรุ่งเรืองของอาหารจะนะ สร้างลูกสาวท้องทะเล เพื่อเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลของอาชีพประมงพื้นบ้าน และเดินสายคัดค้านในรูปแบบที่อินเตอร์ คือ เขียนจดหมายถึงปู่ประยุทธ์ นอนหน้าศาลากลาง เพื่อรอคําตอบ และยื่นจดหมายน้อยกับยูเอ็น เพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการแย่งซีนจากสื่อที่ได้ผล เพราะสื่อจะให้ความสนใจข่าวแบบที่เอ็นจีโอนําเสนอ”
บทความดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ความจริงวาทกรรมที่เอ็นจีโอบอกบทให้กลุ่มผู้เห็นต่างล้วนเป็นเรื่องเก่าๆ เช่น ขบวนการรับฟังความคิดเห็นไม่รอบด้าน เวทีไม่เปิดกว้าง ไม่ให้กลุ่มผู้เห็นต่างเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น อนุมัติโครงการโดยไม่ถามคนในพื้นที่ ใช้กําลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น ฉะนั้น จึงเรียกร้องให้ยุติโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 หรือไม่ก็เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงต้าน แต่เมืองต้นแบบที่ 4 หรือเมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคตก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะภาครัฐเล็งเห็นแล้วว่า สร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนได้อย่างมหาศาล ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต