ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนปลดแอก จ.สงขลา ปักหลักทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองจนถึงค่ำ ทั้งการเปิดไฟแฟลชมือถือ และตะโกนขับไล่นายกฯ ก่อนจะพากันเดินไปจุดเทียนตามหาความยุติธรรม ที่หน้าลานพระบิดา ตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ
ความคืบหน้าหลังจากที่กลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนปลดแอกจังหวัดสงขลา ที่เดินทางมารวมตัวกันที่ลานด้านหน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ช่วง 5 โมงเย็นที่ผ่านมา พร้อมกับมีการแขวนป้ายผ้าโจมตีรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีการปราศรัยแสดงความคิดเห็น และร่วมกันยืนตรงร้องเพลงเคารพธงชาติในช่วง 6 โมงเย็น พร้อมกับการชูมือ 3 นิ้ว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยนั้น
โดยล่าสุด เมื่อช่วง 3 ทุ่มที่ผ่านมา กลุ่มของนักเรียน นักศึกษากว่า 100 คน ยังคงนั่งรวมตัวกันทำกิจกรรม และมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นพูดปราศรัย และแสดงทัศนะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน พร้อมกับมีการเปิดไฟแฟลชมือถือโบกสะบัดประกอบเพลง และมีการตะโกนขับไล่นายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ทั้งหมดยังได้พากันเดินไปที่บริเวณด้านหน้าลานพระบิดา และร่วมกันจุดเทียนตามหาความยุติธรรม ตามข้อเรียกร้องที่ได้ให้ไว้ทั้ง 3 ข้อ ทั้งการขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง รวมทั้งเปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมจากประชาชน และการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้กลับมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตามครรลองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ผศ.ธีรวัฒน์ ขวัญใจ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เปิดเผยว่า เหตุผลที่มาชุมนุมเป็นเหตุผลเดียวกับที่นิสิต นักศึกษาออกมาชุมนุมกันทั่วประเทศ แต่ในกรณีของ จ.สงขลา โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาในภาคใต้นั้น เสรีภาพทางการเมืองที่อาจจะเห็นต่างจากรัฐบาลนั้นจะค่อนข้างมีพื้นที่ให้น้อยมาก และต้องพบกับแรงกดดันที่ค่อนข้างสูง ทั้งจากสถาบันการศึกษา และผู้ปกครอง
ซึ่งสถานการณที่เกิดขึ้นในวันนี้ รัฐบาลอาจจะยังเอาอยู่ แต่อีก 10 ปีข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร เมื่อคนรุ่นใหม่เติบโตขึ้น และเป็นกลุ่มคนที่มีเสียงดังมากที่สุด ด้วยความเป็นอยู่ สถานะทางการเงินในวัยทำงาน คาดว่าเรื่องนี้น่าสน และความเปลี่ยนแปลงจะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว อยู่ที่ความเปลี่ยนแปลงนั้นแบบประนีประนอมกัน ซึ่งถ้าผู้มีอำนาจสามารถตระหนักได้ในส่วนนี้ และพยายามที่จะผ่อนหนักผ่อนเบา พยายามรับฟังเสียงความเห็นของคนรุ่นใหม่ และพยายามที่จะปรับเข้าหากันคนละครึ่งทางนั้น คาดว่าทางออกมันยังมี
ส่วนกรณีคำถามที่มีมามากมายว่า ศาลได้ทำหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งระดับของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนลดต่ำลงมากๆ ภายใต้กฎหมายเฉพาะในตัวนี้เท่านั้น สิ่งที่ทุกคนคาดหวังองค์กรตุลาการที่จะต้องยืนหยัดหรือตรวจสอบ และองค์กรตุลาการอาจจะไม่ใช่คนที่จะต้องมายืนข้างผู้ชุมนุม แต่องค์กรตุลาการเป็นผู้รักษากฎหมาย ในสิ่งสำคัญที่สุดก็คือการเคารพเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
๐ กลุ่มนักเรียน-นักศึกษาใน จ.สงขลา เดินหน้าจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อเนื่อง