นครศรีธรรมราช - ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ฮึ่ม ชี้ช่องจเรตำรวจตรวจสอบเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 หลังพบส่อจ่ายผิดปกติ เผยให้เซ็นรับเงินยอดสูง แต่ได้รับจริงกลับไม่ตรงตามยอด
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ข้าราชตำรวจรายหนึ่งได้เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าว ให้เผยแพร่ข้อมูลการเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีการเบิกจ่ายในส่วนของ สภ.ทุ่งสง ที่เห็นว่าไม่เป็นไปตามปกติ โดยมีรายงานว่า วานนี้ (12 ต.ค.) เวลา 10.00 น. พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ได้เรียกข้าราชการตำรวจเข้าประชุมชี้แจงเรื่องเงินโควิด-19 ของข้าราชการตำรวจ ที่ทางรัฐบาลมอบให้เป็นการเยียวยาจากปัญหาโรคโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ช่วงเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉิน รวมทั้งการประกาศเคอร์ฟิวที่ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงเวลาขณะนั้น
โดยการประชุมวานนี้ได้มีการใช้ห้องประชุมชั้น 4 ของ สภ.ทุ่งสง ปรากฏว่า ข้าราชการตำรวจ สภ.ทุ่งสง เกือบทุกนายจากทั้งสิ้นกว่า 240 นาย ต่างทยอยมาลงชื่อเพื่อเข้าประชุม ในระหว่างนั้นได้มีตำรวจหญิงนายหนึ่งเดินมาแจ้งคำสั่งผู้บังคับบัญชาว่า ห้ามตำรวจทุกนายที่เข้าร่วมประชุมนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องประชุมโดยเด็ดขาด แม้ว่าจะสร้างความไม่พอใจให้แก่ข้าราชการตำรวจ แต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง และต่างได้นำโทรศัพท์ไปเก็บไว้ที่ห้องธุรการงานป้องกันปราบปราม
ข้าราชการตำรวจผู้ให้ข้อมูลร้องเรียนรายนี้ เปิดเผยว่า มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงนามการรับเงินให้ถูกต้องครบตามอัตราสิทธิที่แต่ละนายจะได้รับทุกบาท แต่ข้อเท็จจริงนั้นอยากร้องขอให้จเรตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าสอบสวนความผิดปกติของการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ของข้าราชการตำรวจของ สภ.ทุ่งสง ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 240 นาย เป็น สภ.ขนาดใหญ่ ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากว่า 6 ล้านกว่าบาท
“ได้มีการทำการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ให้แก่ข้าราชการไม่เท่ากันตามลำดับชั้นยศ และตามการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะมีการได้รับ 8,000-40,000 บาท แต่กลับมีข้อกำหนดแจ้งโดยวาจาว่า หากตำรวจมีสิทธิได้รับเงินสูงสุดเพียง 15,000 บาทเท่านั้น หากนายใดได้รับเงินเกินวงเงิน 15,000 บาทจะต้องส่งคืน ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบ และให้ทำการสอบสวนข้าราชการตำรวจแต่ละนายที่ได้รับว่าได้รับตรงตามสิทธิหรือไม่ และหากไม่ได้รับจริงตามเบิกนั้น ต้องนำเงินส่งคืนให้ใคร เป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่” ข้าราชการตำรวจนายนี้กล่าวในที่สุด