ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เปิดงานวิจัยแรงงานไทยจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในประเทศมาเลเซีย พบปัจจัยเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ไม่มีผลต่อการตัดสินใจย้ายถิ่น แต่เป็นเรื่องของสภาพเศรษฐกิจ ทั้งหางานยาก-ค่าแรงถูก ในขณะที่มาเลเซียมีความต้องการแรงงานไทย ค่าจ้างสูงกว่า แต่ก็พบปัญหาหลายประการที่หวังให้รัฐช่วยเหลือ
เพจ “The Agenda” รายงานเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่อง “การย้ายถิ่นของมุสลิมไทยไปมาเลเซีย และการบูรณาการทางสังคม กับการแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” มี รศ.ดร.อารี จำปากลาย ผอ.สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะ เป็นคณะผู้วิจัย และมีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เป็นผู้สนับสนุน โดย The Agenda ได้นำเสนอเป็น 2 ตอน ใช้พาดหัวว่า ถ้าไม่ใช่ “ไฟใต้” แล้วอะไรผลัก “แรงงานไทย” ให้ไปมาเลเซีย! และ ข้อเสนอที่รัฐบาลไทยต้องฟัง ช่วยไม่ช่วย “แรงงานชายแดนใต้” ในมาเลเซีย
เพจ “The Agenda” รายงานว่า ข้อค้นพบจากงานวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นว่า การไปทำงานในมาเลเซียของแรงงานไทยจาก 3 จังหวัดภาคใต้เกิดจากแรงผลักทางเศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งผู้ให้ข้อมูลมองว่า หางานยากและค่าแรงถูก สวนทางกับแรงดึงดูดในมาเลเซีย ที่มีความต้องการแรงงานและให้ค่าจ้างสูงกว่า อีกทั้งยังมีเครือข่ายทางสังคมที่คอยสนับสนุน มากกว่าเหตุผลเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 88.4 มองว่า เหตุการณ์ความไม่สงบไม่มีผลเลยต่อการตัดสินใจไปทำงานที่มาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในเรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ งานวิจัยพบว่า มีความเชื่อมโยงว่า ทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดข้อจำกัดเรื่องงานที่มีให้ทำ และมีปัญหาเรื่องค่าแรงต่ำ งานวิจัยดังกล่าวได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อปี 2562 พบว่า การที่รัฐไทยมองแรงงานไทยในมาเลเซีย โดยใช้มุมมองทางความมั่นคงด้วยสายตาที่สงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้การจัดการและการดูแลแรงงานไทยในมาเลเซียแตกต่างจากแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอื่นๆ และที่ผ่านมา แรงงานไทยในมาเลเซียไม่เคยได้รับความสนใจจากรัฐไทยในฐานะแรงงานมาก่อน
The Agenda รายงานด้วยว่า คณะผู้วิจัยได้สัมภาษณ์ผู้ประกอบการชาวมาเลเซียถึงเหตุผลการจ้างแรงงานไทย พบว่า งานในร้านอาหารนั้นไม่เป็นที่ต้องการของคนมาเลเซีย และผู้ประกอบการต้องการความเชี่ยวชาญในการทำอาหารไทย ซึ่งทดแทนด้วยแรงงานจากชาติอื่นๆ ไม่ได้ แรงงานไทยมีความตั้งใจทำงาน ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ แรงงานไทยเชื่อฟังและเป็นมิตร ส่วนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมประเภทอื่นก็มองว่า แรงงานไทยมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าแรงงานจากประเทศอื่นๆ ทำงานหนัก และไม่หยุดงานโดยไม่จำเป็น
ส่วนข้อเสียของการจ้างแรงงานไทยคือการต้องพึ่งพาแรงงานไทยที่เข้ามาในลักษณะเป็นเครือข่ายเดียวกัน ทำให้บริหารจัดการยาก และการออกจากงานของลูกจ้างก่อนเวลาสิ้นสุดที่กำหนดในใบอนุญาต นอกจากนี้ แรงงานไทยต้องกลับบ้านทุกเดือนเพื่อประทับตราการออก-เข้าเมือง เพราะไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งบางคนถือโอกาสกลับไปอยู่บ้านเป็นเวลานานกว่าที่ตกลงกันไว้ ทำให้กระทบต่องาน
The Agenda ระบุว่า ในงานวิจัยดังกล่าว มีข้อเสนอไว้หลายประการที่น่าสนใจ ดังนี้ ประการแรก ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ที่สอดคล้องกับมาตรการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมสวัสดิการของแรงงานย้ายถิ่นข้ามชาติ ซึ่งมีดังนี้ (1) พัฒนากลไกช่วยเหลือแรงงาน 3 จังหวัดภาคใต้ให้ได้รับการคุ้มครองจากการทำงานที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและได้รับการดูแลตามสิทธิที่สมควรได้รับ เนื่องจากแรงงานจำนวนไม่น้อยที่ทำงานในมาเลเซียมีความเสี่ยงต่อสุขภาพในระดับมาก และมีชั่วโมงการทำงานเป็นระยะเวลานานในแต่ละวัน
(2) จัดให้มีการตรวจสุขภาพอย่างเป็นระบบและให้ความรู้ด้านสุขภาพเบื้องต้นให้แก่แรงงานจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนที่จะเดินทางไปทางานที่มาเลเซีย โดยมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงได้ ผลการศึกษาพบว่า แรงงานจาก 3 จังหวัดที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซียส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกันสุขภาพ (3) จัดให้มีบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต (4) สนับสนุน อำนวยความสะดวก และเสริมสร้างผู้ย้ายถิ่นได้ปฏิบัติศาสนกิจได้ตามที่ต้องการ
(5) จัดให้มีกองทุนสวัสดิการแก่ผู้ย้ายถิ่นที่ทำงานในประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างทำงาน เช่น การออกจากงาน ระหว่างรอเปลี่ยนงานใหม่ การสนับสนุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ รวมไปถึงการช่วยเหลือทางด้านกฎหมายต่างๆ โดยให้ผู้ย้ายถิ่นและผู้ประกอบการในประเทศมาเลเซียเข้ามามีส่วนร่วม และ (6) ให้ความรู้และความเข้าใจแก่แรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิประโยชน์จากการมีใบอนุญาตการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงโทษจากการลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย
ประการที่สอง ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากงานวิจัยนี้ ที่สอดคล้องกับปฏิญญาสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิแรงงานข้ามชาติ (ASEAN Declaration on the Protection and Promotion of the Rights of Migrant Workers) ด้านการสนับสนุน ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกในเรื่องของการย้ายถิ่นฐานทำงานของแรงงานข้ามชาติและการมีงานทำ มีดังนี้ (1) รัฐบาลไทยและมาเลเซียควรมีมาตรการหรือข้อตกลงร่วมกันในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ย้ายถิ่นที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซียเข้าสู่ระบบการทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การลดค่าธรรมเนียม ค่าตรวจสุขภาพ ค่าประกันสุขภาพ และค่ามัดจำด้านความปลอดภัยอื่นๆ
(2) พัฒนากลไกสนับสนุนและส่งออกแรงงานไทยให้ไปทำงานในประเทศมาเลเซียอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ย้ายถิ่นที่ทำงานในร้านอาหารไทย (3) รักษาและส่งเสริมภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมร้านอาหารต้มยำให้เป็นที่ชื่นชอบของชาวมาเลเซียมากขึ้น โดยในปัจจุบัน ชาวมาเลเซียให้การยอมรับธุรกิจต้มยำเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและวิถีชีวิตของชาวมาเลย์ (4) พัฒนานโยบายการส่งเสริมเครือข่ายและสนับสนุนการย้ายถิ่น โดยนายจ้าง คือ เครือข่ายที่สำคัญที่สุด เพราะนายจ้างเป็นผู้จัดหาทุกอย่างให้ผู้ย้ายถิ่น นอกจากนี้ กองทุนหมู่บ้านอาจพิจารณาการกู้ยืมของผู้ย้ายถิ่นที่มีโครงการไปทำงานที่มาเลเซียที่มีศักยภาพที่ดีได้
และ (5) อำนวยความสะดวกการย้ายถิ่นกลับ หรือการย้ายไปทำงานในถิ่นปลายทาง ที่ไม่ใช่ประเทศมาเลเซีย สิ่งที่ผู้ย้ายถิ่นต้องการ คือ งานที่มีรายได้ ถ้าถิ่นปลายทางอื่นๆ เช่น กรุงเทพฯ จังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย หรือประเทศอื่น ๆ (AEC in the south) มีหรือจัดหาในสิ่งที่ผู้ย้ายถิ่นต้องการได้ก็จะดึงดูดผู้ย้ายถิ่นไปได้


