ปัตตานี - ศาลแขวงปัตตานี พิพากษาจำคุก 2 เดือน และปรับอีก 8,000 บาท เจ้าของโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ หรือปอเนาะชือมา ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กรณีไม่ได้รับอนุญาตเปิดโรงเรียนเมื่อปี 62
วันนี้ (16 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ หรือปอเนาะชือมา ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถูกสำนักงานการศึกษาเอกชนหนองจิก (สช.หนองจิก) ฟ้องกรณีไม่ได้รับอนุญาตเปิดการเรียนการสอน ทั้งที่บาบอ หรือโต๊ะครูเพียงสอนอบรมในเรื่องศาสนาอิสลาม โดยไม่คิดค่าตอบแทน หวังเพียงที่จะให้เยาวชนมีศาสนาเป็นที่ยึดเหนียวจิตใจ จะได้เป็นคนดีของสังคมในการดำเนินชีวิต
จนกระทั่งล่าสุดเช้าวันนี้ ศาลแขวงปัตตานีได้พิพากษาจำคุกโต๊ะครู 2 เดือน และปรับอีก 8,000 บาท สร้างความตกใจให้แก่สังคมมุสลิมในพื้นที่เป็นอย่างมาก และทุกคนก็ยอมรับผลการตัดสินของศาล แต่ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายมูหัมมัดรอมลี เจะยะ บาบอ หรือโต๊ะครูโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ หรือบาบอรอมลี ชือมา ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กล่าวว่า แรกๆ ก่อนเกิดเรื่องวันที่ 18 มิถุนายน 2562 สำนักงานการศึกษาเอกชนหนองจิก จ.ปัตตานี แจ้งข้อหาเปิดปอเนาะไม่มีใบอนุญาต วันที่ 24 มิถุนายน 2562 พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต วันที่ 11 ตุลาคม 2562 พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี ขึ้นศาลมาแล้ว 4 ครั้ง วันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ตัดสินคดีจำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี
“ที่สู้เพราะต้องการหาความเป็นธรรมให้ตัวเอง เพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น เราเป็นคนสอนคนให้เป็นคนดี แต่เขามาใส่ความว่าเราผิด เราไม่ได้ทำธุรกิจ ไม่ได้เอาเงินจากเด็ก ไม่ได้มีเงินสนับสนุนจากไหนเลย สำนักงานการศึกษาต่างหากที่ต้องให้เงินกับเรา จุดนี้ที่รับไม่ได้ หลังจากนี้จะดำเนินการเรื่องเอกสารที่ดินต่อ เพื่อยื่นขอขึ้นทะเบียน เพราะก่อนที่จะถูกดำเนินคดีก็อยู่ระหว่างดำเนินการแต่มาถูกดำเนินคดีก่อน” นายมูหัมมัดรอมลี กล่าว
นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายมุสลิม จ.ปัตตานี กล่าวว่า ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาลงโทษจำเลย หมายเลขคดี อ.ดำ 813/2562 นายมูหัมมัดรอมลี เจะยะ โรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ได้มีเหตุการณ์ระเบิดที่ตลาดนัดบ่อทอง ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้มีการควบคุตัวผู้ต้องสงสัยตามกฎหมายพิเศษ 2 คน คือ นายอาซิ มีนา และนายอับดุลรอเซะ สลาวะ และได้มีการดำเนินคดีทั้งสองต่อศาลจังหวัดปัตตานี โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2563
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว ข้อมูลทางการข่าวอ้างว่าหลังเกิดเหตุ ผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีไปอยู่ในปอเนาะ หรือโรงเรียนอัลอูลูมุลอิสลามมียะห์ (ปอเนาะชือมา) ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวบาบอเจ้าของปอเนาะ คือ นายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ ไปทำการซักถามที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร และได้ปล่อยตัวในภายหลัง เนื่องจากเห็นว่าบาบอไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ
แต่ต่อมาทางสำนักงานการศึกษาเอกชนอำเภอหนองจิก (สช.หนองจิก) ได้มีคำสั่งให้ปอเนาะดังกล่าวหยุดการเรียนการสอนศาสนา เนื่องจากไม่มีใบรับอนุญาต หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาบาบอ นายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดปัตตานี ในข้อหาจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 20, 147 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 813 /2562 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี โจทก์ กับนายมูฮัมหมัดรอมลี เจะยะ จำเลย ศาลได้ทำการสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 โดยนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (16 ก.ย.)
นายทรงพล ขวัญชื่น อดีต ผอ.สช.จ.ปัตตานี กล่าวว่า เราต้องมาดูก่อนว่าโรงเรียนนอกระบบหรือในระบบ ปกติจะต้องขออนุญาตก่อน ที่นี้ทั้ง 2 โรงเรียนต้องขออนุญาตก่อนตามหลัก เพื่อให้เป็นโรงเรียนที่ถูกต้อง ส่วนโรงเรียนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนก็ถือว่าเป็นโรงเรียนเถื่อน แต่ถ้าขึ้นป้ายคำว่าโรงเรียน ที่นี่เราก็ห่วงสิทธิตรงนี้ และพอกระทบกับเด็ก ขึ้นชื่อเป็นโรงเรียนต้องแจ้งความดำเนินคดี
เคสนี้ถือเป็นเคสแรกใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการฟ้องร้อง ปกติเมื่อเจอเคสลักษณะนี้ สช.พื้นที่จะลงไปตรวจสอบและแนะนำ ตักเตือนมากกว่าที่จะมีการฟ้องร้อง
จริงๆ เรื่องนี้ ก่อนที่จะเกษียณได้ให้ สช.พื้นที่ลงไปที่ปอเนาะ พบว่า ไม่ได้จดทะเบียน จากนั้นเขามาขอขึ้นทะเบียนแล้วเราไม่อนุญาตเพราะมีปัญหาเรื่องเอกสารที่ดิน มี นายภานุ อุทัยรัตน์ ส.ว. มาหารือกันให้ช่วยเหลือ ก็ได้แนะนำให้ไปดำเนินการในเรื่องเอกสารที่ดิน แล้วให้มาขึ้นทะเบียน ต่อมามีประเด็นคนทำผิดไปอยู่ปอเนาะ ทหารตามไปเจอในนั้นก็กลายเป็นโรงเรียนเถื่อน ต่อมา นายอำเภอหนองจิก และ สช.ในพื้นที่ลงไปดู และได้หาทางออกให้แล้ว ก่อนที่จะเกษียณ แต่ไม่ทราบเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นฟ้องร้อง