ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทางการมาเลเซียออกประกาศปิดด่านบูกิตกายูฮิตัม ในรัฐเกดะห์เป็นเวลา 14 วัน หวังควบคุมการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้คนไทยไม่สามารถเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนสะเดาได้ชั่วคราว
วันนี้ (12 ก.ย.) บรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ต้องปิดรับคนไทยในประเทศมาเลเซีย เพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศชั่วคราว ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2563 เป็นเวลา 14 วัน
ซึ่งเป็นผลมาจากทางการมาเลเซียได้ออกประกาศห้ามมิให้บุคคลใดเดินทางเข้าออกผ่านด่านบูกิตกายูฮิตัม (Bukit Kayu Hitam) เป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นด่านที่ตั้งอยู่ในรัฐเกดะห์ ตรงข้ามกับด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ระหว่างวันวันที่ 12 กันยายนถึง 25 กันยายน 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากในรัฐเกดะห์ ขณะนี้พบการระบาดของโควิด-19 มากที่สุดในมาเลเซียกว่า 100 คน ทางการมาเลเซียจึงต้องระงับการเดินทางเข้าออกประเทศทางด่านบูกิตกายูฮิตัมชั่วคราว
โดยบรรยากาศที่ด่านพรมแดนสะเดา ในวันนี้ (12 ก.ย.) ทางการมาเลเซียอนุญาตให้คนไทย จำนวน 5 คน เป็นชาย 2 คน และหญิง 3 คน ซึ่งถูกจับกุมอยู่ในประเทศมาเลเซีย และพ้นโทษเดินทางกลับเป็นชุดสุดท้าย โดย ตม.มาเลเซีย ได้มาส่งตัวที่ด่านพรมแดนสะเดา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขนส่งระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ทางด่านพรมแดนสะเดา ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ ห้ามเฉพาะการเดินทางเข้าออกของบุคคลเท่านั้น
ด้านสถานเอกอัครราชทูตในมาเลเซีย ขอให้คนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยทางบก ระหว่างวันที่ 12-25 กันยายนนี้ ให้ไปลงทะเบียนขอหนังสือรับรองการเดินทาง โดยเลือกด่านพรมแดนอื่น ได้แก่ ด่านเบตง จ.ยะลา ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส หรือด่านวังประจัน จ.สตูล แทนเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ สามารถลงทะเบียนขอหนังสือรับรองการเดินทางผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ https://dcaregistration.mfa.go.th และขอให้ดำเนินการขอใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่า ‘fit to travel’ ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และกรุณาเดินทางให้ถึงด่านก่อนเที่ยงวันของวันที่ระบุในหนังสือรับรองการเดินทาง ซึ่งเป็นไปตามวันที่ได้ลงทะเบียนไว้ และกรุณาเตรียมเอกสารหนังสือรับรองฯ ใบรับรองแพทย์ และหนังสือเดินทางให้พร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด้วย
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศมาเลเซีย จากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 11 กันยายน 2563 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 182 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 9,810 คน กำลังรักษา 105 คน รักษาหายแล้ว 9,181 คน และเสียชีวิต 128 คน