ตรัง - คณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ลงพื้นที่เร่งรัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ อ.ห้วยยอด และ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งมีความขัดแย้งยืดเยื้อมานาน
คณะกรรมาธิการการที่ดิน (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการ และนายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 5 ร่วมลงพื้นที่เร่งรัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรใน 2 อำเภอ คือ อ.ห้วยยอด ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ป่ากับที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน และ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันที่หมดสัมปทาน
โดยเริ่มที่ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ 8 บ้านหนองเนียงแตก ต.นาวง อ.ห้วยยอด เพื่อรับฟังปัญหาจากตัวแทนชาวบ้าน จำนวน 5 หมู่บ้าน รวมประมาณ 500 ครัวเรือน ที่มีที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตป่าหนองเนียงแตก-ป่าห้วยเคี่ยม และป่าหนองหนักทอง ที่มีการประกาศเป็นพื้นที่ป่าเมื่อปี 2510 โดยมี นายประสาร เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 และนายวริทธิ์ คิดถูก ผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรัง ร่วมให้ข้อมูลด้วย
ทั้งนี้ ชาวบ้านยืนยันว่า ทั้งหมดอาศัยทำกินมาแล้วหลายชั่วอายุคน พื้นที่โดยทั่วไปประกอบด้วย บ้านเรือนที่อยู่อาศัย สวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา พื้นที่การเกษตรอื่นๆ โรงเรียน 3 โรง สถานีอนามัย 2 แห่ง วัด 1 แห่ง แต่บางคนมี ส.ค.1 บางคนมี น.ส.3 ก. บางคนเคยเสียภาษีที่ดิน (ภบท.5) ซึ่งยังคงเก็บเอกสารการเสียภาษีที่ดินดังกล่าวเอาไว้ บางคนมีโฉนดที่ดิน บางส่วนถือ ส.ป.ก. แต่จำนวนส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่อยู่ในพื้นที่ป่าเดียวกัน บางส่วนไม่มีไฟฟ้าใช้ และขอปักเสาพาดสายไม่ได้เพราะอยู่ติดเขตป่า หรือไม่ได้รับสิทธิความช่วยเหลือตามนโยบายตัดโค่นยางเก่าเพื่อปลูกทดแทนใหม่ไม่ได้ เป็นต้น
นายประสาร เปรมปรีดิ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้แก่ประชาชน แต่ที่ทำไม่สำเร็จเนื่องจากแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ระหว่างเขต ส.ป.ก.กับเขตป่าสงวนมีความคลาดเคลื่อน ไม่ชัดเจน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ที่เข้ามาวัดพื้นที่ที่ชี้ชัดไม่ได้
ในที่สุดคณะ กมธ.ที่ดิน สรุปว่า แนวทางการแก้ปัญหาของชาวบ้านใน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จะต้องเริ่มต้นที่ความชัดเจนของแนวเขตพื้นที่ ทั้งพื้นที่ป่า รวมทั้งพื้นที่ ส.ป.ก. และพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน โดยจะใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศทั้งหมด 5 ชั้นปีเป็นตัวชี้ขาด หากชาวบ้านทำกินมาก่อนการประกาศเป็นพื้นที่ป่าก็จะต้องดำเนินการยกเลิกเพิกถอนสภาพป่า และออกเอกสารสิทธิให้ชาวบ้าน แต่หากเข้ามาอยู่หลัง แต่พื้นที่ทั้งหมดถูกชาวบ้านยึดครองทำกิน หรือเป็นที่อยู่อาศัยทั้งหมดแล้วนั้น จะต้องเข้ากระบวนการแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งจัดสรรในรูปแบบ ส.ป.ก. หรือเข้าคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
ทั้งนี้ คณะ กมธ.ที่ดินจะออกหนังสือเชิญเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ส.ป.ก. ตัวแทนจากกรมพัฒนาที่ดิน และชาวบ้านมาประชุมร่วมกันในวันที่ 11 กันยายนนี้ เพื่อร่วมกันจัดทำแนวเขตของพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาต่อไป
จากนั้นคณะได้เดินทางไปต่อไปยังสวนปาล์มน้ำมันที่หมดสัมปทาน ในพื้นที่หมู่ 3 ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เนื้อที่รวมกว่า 638 ไร่ ที่หมดอายุสัญญาสัมปทานตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2558 โดยกรมป่าไม้ยังไม่อนุญาตให้สัมปทานต่อ แต่ขณะนี้กลุ่มผู้รับสัมปทานรายเก่ายังอ้างสิทธิการครอบครองสวนปาล์มน้ำมัน ได้เข้าไปไถปรับพื้นที่ปราบวัชพืช จัดเก็บผลผลิต ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงขึ้นในพื้นที่ ระหว่างฝ่ายนายทุน และฝ่ายชาวบ้านที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินการจับกุม และนำที่ดินมาจัดสรรให้ชาวบ้านยากไร้ทำกิน โดยเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกไว้แล้ว
ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องแบบประชดประชันเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อคณะ กมธ.ที่ดิน กรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ดำเนินการเอาผิดกลุ่มผู้รับสัมปทานรายเก่าที่ยังเข้าไปจัดเก็บผลประโยชน์ต่อเนื่อง ทำสิ่งปลูกสร้างเพิ่ม โดยขอเรียกร้องเข้าไปจัดเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมันด้วย
จากการตรวจสอบพื้นที่โดยรวม พบว่า ทางกลุ่มนายทุนผู้รับสัมปทานรายเก่าได้ทำการบุกรุกใหม่เพิ่มเติม ด้วยการเข้าไปก่อสร้างขนำสำหรับจัดคนเฝ้าพื้นที่อีกจำนวน 4 หลัง คาดทยอยสร้างให้เต็มพื้นที่ จากเดิมการลงพื้นที่ตรวจสอบของหัวหน้าคณะทำงาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดิน และการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา พบเพียงการบุกรุกไถปรับพื้นที่ ตัดแต่งต้นปาล์มน้ำมัน และเก็บเกี่ยวผลผลิตเท่านั้น แต่ขณะนี้มีการบุกรุกเพิ่ม และทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีใดๆ ต่อกลุ่มนายทุนดังกล่าว
พ.ต.ท.รองสุรชาติ บุญโรจน์พงศ์ รองผู้กำกับการ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.วังวิเศษ ได้แจ้งความคืบหน้าของคดีให้คณะ กมธ.ได้รับทราบว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุม นายบัณฑิต รองพล (กำนันแล้น) กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และมีตำแหน่งเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าแล้ว โดยตัวผู้ต้องหาให้การว่าได้รับมอบหมายจากกลุ่มนายทุนผู้รับสัมปทานรายเก่าให้เข้ามาดูแลพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ทางคณะ กมธ.ได้ข้อสรุปว่า ให้ชาวบ้านไปดำเนินการร่างหนังสือเพื่อเสนอต่อกรมป่าไม้ เพื่อนำที่ดินแปลงสวนปาล์มหมดสัมปทานดังกล่าวทั้งแปลงให้ทำแปลงป่าชุมชน และให้ชาวบ้านผู้ยากไร้เรียกร้องที่ดินทำกินเข้าชื่อ พร้อมทำหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อขอจัดสรรที่ดินทำกินให้ผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินทำกิน และทหารผ่านศึกที่ไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งคาดว่าจะมีรวมกันมากกว่า 100 คน แต่จะให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.วังมะปราง ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ และพื้นที่ใกล้เคียงได้สิทธิก่อน