ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผอ.กองประกวดฯ ยืนยันตัดสินถูกต้อง พร้อมยุติบทบาทการประกวด “นางสาวสมิหลา” ด้านพี่เลี้ยง และนางงามเผยเสียความรู้สึก เพราะการตัดสินไม่เป็นธรรม แต่ก็ยอมจบด้วยดี หลังจากมีการหารเงินรางวัลให้คนละ 2 หมื่นบาททั้ง 10 คน
หลังจากที่ได้เกิดเหตุความวุ่นวายในการประกวดนางงาม “นางสาวสมิหลา 2020” เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการประกวดรอบสุดท้าย เพื่อเฟ้นหาสาวงามครองตำแหน่ง “นางสาวสมิหลา ประจำปี 2563” และเป็นหนึ่งไฮไลต์สำคัญในงานเทศกาลอาหารสองทะเล ที่จัดขึ้นที่บริเวณสระบัวแหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นงานประจำปีของ จ.สงขลา
แต่ปรากฏว่าปีนี้เวทีต้องล่ม เนื่องจากในรอบ 10 คนสุดท้าย มีสาวงาม 5 คนที่ตกรอบขึ้นมาประท้วงกรรมการบนเวที เพราะมองว่าตัดสินไม่ยุติธรรม ค้านสายตา และมีการล็อกมงกุฎเอาไว้แล้ว จนกลายเป็นความวุ่นวาย สุดท้ายก็ต้องยุติการประกวด และไม่มีใครครองตำแหน่งนางสาวสมิหลาในปีนี้ และเงินรางวัลก็ต้องหาร 10 กันไปนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ โดยไปพบกับ นพ.ปวริศ หะยีอามะ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกองประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ โดยบอกว่าการประกวดนางสาวสมิหลาในปีนี้ และเกณฑ์การตัดสินได้ยกระดับเวทีสู่สากลซึ่งต่างจากทุกปี โดยมีสโลแกนนางสาวสมิหลาต้องสวย พร้อมใช้ มีสมอง ยุคใหม่ 5 จี เพื่อสู่สากล และต่อยอดได้ และผู้ที่จะครองตำแหน่งนางสาวสมิหลา ประจำปี 2563 จะต้องเป็นผู้หญิงที่สวย มีออร่า และหน้าสดก็ต้องสวยด้วย มีทัศนคติที่ดี มีสมอง ความสามารถรอบด้าน และต้องมีความเป็นอัตลักษณ์ของสงขลาด้วย
นพ.ปวริศ กล่าวว่า ในส่วนของเกณฑ์การตัดสิน ก็จะดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าประกวด และยืนยันว่าทั้งตน และกรรมการทุกคนเป็นกลาง ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้าประกวดคนใด กรรมการได้พิจารณาคะแนนดีที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องปัญหาคะแนนที่หลุดออกไปที่คนได้คะแนนต่ำได้เข้ารอบ คนได้คะแนนสูงตกรอบนั้น ใบคะแนนนั้นไม่ใช่ใบจริง เป็นเพียงแค่การโหวตของกรรมการทั้ง 9 คน ที่แต่ละคนเลือก 5 คนสุดท้ายมา แต่ใบคะแนนจริงคือสัดส่วนความสวย 60 เปอร์เซ็นต์ และการตอบคำถามกับทัศนคติอีก 40 เปอร์เซ็นต์ และยังต้องมาประชุมสรุปผลโหวตกันอีกครั้ง
ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนเสียใจมาก และขอถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการประกวดนางสาวสมิหลา เพราะก่อนหน้านี้ก็ถูกเชิญให้มาเป็นผู้อำนวยการกองประกวด จากความสำเร็จในการประกวดมิสแกรนด์สงขลา เพื่อที่จะให้เป็นเวทีนางงามที่ก้าวเข้าสู่สากล
สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เป็นการประกวดรอบ 10 คนสุดท้าย และหลังเกิดปัญหาได้มีการชี้แจงทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้ว และจบลงด้วยดี ส่วนเรื่องเงินรางวัลลำดับที่ 1-5 ซึ่งมีเงินรางวัล 2 แสนบาท ก็ได้หาร 10 และได้ไปคนละ 2 หมื่นบาท ส่วนผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายได้เพิ่มให้คนละ 1 หมื่นบาท
ด้านนายมณฑล ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงนางงาม 3 คนที่มีปัญหา บอกว่า การประกวดนางสาวสมิหลา เป็นเวทีใหญ่ของภาคใต้ ซึ่งตนได้ส่งนางงามเข้าประกวดมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เพราะเป็นสัญญาใจ แต่ที่เป็นปัญหาคือ เรื่องของคะแนนที่หลุดออกมา เพราะคนที่คะแนนต่ำกลับเข้ารอบ คนที่คะแนนสูงกลับตกรอบ และทีแรกคณะกรรมการจะประกวดใหม่ในอีก 2 วัน แต่ดูแล้วพวกตนคงไม่ชนะ เพราะมีเรื่องขึ้นมาแล้ว รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก จึงขอจบด้วยการแบ่งเงินรางวัลเท่าๆ กัน เพื่อความยุติธรรม
ขณะที่ น.ส.อรณพรรณ ณ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกวดที่ขึ้นไปถือไมค์พูดกับกรรมการ เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ประกวดนางงาม รู้แพ้รู้ชนะมาตลอด แต่ครั้งนี้คะแนนสูง และมั่นใจว่าตอบคำถามดี และเดินดี แต่ทุกอย่างกลับตกรอบ จึงคิดว่าเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง ในขณะที่เพื่อนนางงามอีก 2 คนที่อยู่ในทีมเดียวกันก็บอกว่า เสียใจกับการตัดสินในครั้งนี้ แต่เรื่องนี้ได้จบลงแล้ว เนื่องจากทางคณะกรรมการได้แก้ปัญหาให้แบ่งรางวัลเท่าๆ กันทั้ง 10 คน และได้รับเงินแล้ว ซึ่งเป็นธรรมกับผู้เข้าประกวดทุกคน