ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตวางกรอบแนวทางรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจ ใช้หลัก 5T ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมวางกรอบเวลาเปิดเมือง เริ่ม ต.ค.นี้ จาก 11 กลุ่มที่ ศบค.ผ่อนปรน ก่อนขยายสู่นักท่องเที่ยวจริง ภายใต้รูปแบบ “เซฟตี้ ทัวริสซึม” จากประเทศที่ปลอดภัยเท่านั้น ก่อนขยายกลุ่มเพิ่มจำนวน กำหนดโซนท่องเที่ยว เร่งทำความเข้าใจทุกกลุ่มทั้งที่เห็นด้วยและยังกังวล
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 48/2563 โดยมีนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์เฉลิมพงศ์ สุคนธผล ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 ภูเก็ต เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการเตรียมการรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ถึงเวลาที่จะเปิดการท่องเที่ยวของภูเก็ตเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวหรือยัง ขณะนี้การท่องเที่ยวของภูเก็ตที่เกิดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นศูนย์ เพราะเรายังไม่ได้เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน ปีละ 400,000 ล้านบาท ขณะนี้หายไปทั้งหมด จะมีก็เฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทยเท่านั้น ทำให้ภูเก็ตลำบากมากที่สุดในประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจของเรายืนอยู่บนท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ผิดจากจังหวัดอื่นๆ ที่มีภาคการเกษตร และอื่นๆ เข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจให้เดินต่อไปได้
“ขณะนี้คนภูเก็ตมีทั้งที่เห็นด้วยที่จะเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา และมีทั้งที่ยังมีความกังวลว่าเมื่อเปิดเมืองให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอาจจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เหมือนกับจังหวัดระยอง” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวและว่า
จึงจำเป็นที่ทางจังหวัดภูเก็ตจะต้องกำหนดกรอบและแนวทางในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาพื้นที่ เพื่อให้คนภูเก็ตเกิดความมั่นใจว่าสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีก ซึ่งการกำหนดกรอบและแนวทางนั้นจะต้องสอดคล้องต่อแนวทางของ ศบค.มติรัฐมนตรีที่จังหวัดระยอง ที่จะดำเนินการ ภูเก็ต ไทยแลนด์ ลองสเตย์ และจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่าคนภูเก็ตจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจของภูเก็ตเดินต่อไปได้ และคนภูเก็ตมั่นใจในมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้นำเสนอกรอบแนวทางป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากการเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในภูเก็ต บนมาตรการ 5T ที่เป็นแนวคิดร่วมกันของภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องที่จะรับนักท่องเที่ยวหรือกลุ่มคนที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ตามที่ ศบค.กำหนด คือ T-Target การกำหนดกลุ่มที่เดินทางเข้ามาโดย ศบค.กำหนด 11 กลุ่ม และกลุ่มที่นอกเหนือจากที่ ศบค.กำหนดจะดำเนินการในระยะต่อไป โดยจะต้องเข้ามากักตัวในโรงแรมที่กำหนด (ALSQ) เป็นเวลา 14 วัน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศที่มีความปลอดภัยไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 T-Testing เป็นการคัดกรองตรวจหาเชื้อที่ต้นทางและที่สนามบินภูเก็ต และที่ AlSQ จำนวน 2 ครั้ง คือ ในวันที่ 3-4 และวันที่ 11-13 โดยนักท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะออกนอกสถานที่กักตัวได้จนครบ 14 วัน หากพบหรือสงสัยว่ามีอาการก็จะนำส่งโรงพยาบาลที่เป็นคู่สัญญากับโรงแรมนั้นๆ
T-Tracing การติดตามตัวผู้ที่เดินทางเข้ามา โดยมีแอปพลิเคชันตามตัวได้แบบ REALTIME ทั้งในช่วงของการกักตัว 14 วัน และหลังเดินทางท่องเที่ยว T-Treatment การดูแลรักษาหากพบการติดเชื้อจะมีการเข้าดำเนินการทันที และครอบคลุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงความพร้อมด้านบุคลากร เครื่องมือ เวชภัณฑ์ยาที่เพียงพอ และ T-Trust เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจ โดยมีการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งชาวต่างชาติเข้าใจว่า ภูเก็ต มีความพร้อม มีการเตรียมการที่ดี มีมาตรฐานในการกำกับดูแล ป้องกัน และเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งจะมีการตั้งกองทุนเพื่อช่วยดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อีกด้วย
นายแพทย์สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในการเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา เมื่อทาง ศบค.เห็นชอบให้คนต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ด้วยมาตรการรับมือ 5T
ด้าน นายแพทย์เฉลิมพงศ์ สุคนธผล ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต กล่าวต่อว่า แนวทางการเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นที่สนใจของคนภูเก็ตเป็นอย่างมาก ซึ่งการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั้น จะต้องดำเนินการด้วยมาตรการที่ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ปราศจากผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งจากการที่ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้เป็นระยะๆ โดยเริ่มจากการแง้มประตูรับคนต่างชาติกลุ่มที่ ศบค.เห็นชอบให้เข้ามาได้ 11 กลุ่ม นำเข้ามาพักแบบลองสเตย์ ตามหลัก 5T ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป เพื่อทดลองระบบและความพร้อมทั้งหมดก่อนที่จะรับนักท่องเที่ยวจริง
เมื่อระบบความความพร้อม ก็ค่อยๆ เปิดรับกลุ่มที่เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ เข้าสู่ระยะ “เซฟตี้ ทัวริสซึม” ในเดือนพฤศิกายน ธันวาคม หรือมกราคม ขึ้นอยู่กับความพร้อม ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาจะต้องดำเนินการตามหลัก 5T อยู่ในเงื่อนไขการกักตัว 14 วัน โดยเลือกรับเฉพาะนักท่องเที่ยวในประเทศ หรือเมืองที่ไม่มีการแพร่ระบาด โดยกลุ่มนี้สามารถที่จะทำกิจกรรมนอกห้องพักที่กักตัวได้บ้างในโซนที่โรงแรมกำหนด และช่วงเวลาในการทำกิจกรรมเท่านั้น เพื่อกักตัวครบ 14 วัน และมั่นใจว่าปลอดภัยจากโควิด-19 แล้ว สามารถที่จะเดินทางท่องเที่ยวภายในภูเก็ตได้
ระยะต่อไป ยังอยู่ในกลุ่ม “เซฟตี้ ทัวริสซึม” แต่นักท่องเที่ยวที่เข้ามานั้นมีความเป็นอิสระมากขึ้น เมื่อเดินทางเข้ามาแล้ว ตรวจไม่พบโควิด-19 ที่สนามบินและที่ ALSQ ในวันที่ 3-4 ให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามเส้นทางที่กำหนด และในระยะต่อไปก็จะให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวตามโซนที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแหล่งท่องเที่ยว ชายหาด สถานที่พัก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นมากและมีวัคซีนป้องกันแล้ว และนักท่องเที่ยวคนนั้นผ่านการตรวจโควิด-19 ที่สนามบินแล้วเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเห็นชอบตามแนวทางการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาในภูเก็ต พร้อมทั้งมีมติแต่งตั้งคณะทำงาน 15 ชุด ในการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวลงเครื่องบินที่สนามบินภูเก็ต การกักตัว 14 วัน การติดตามประเมินผลและการบังคับใช้กฎหมาย การขนส่งเคลื่อนย้าย การรักษาพยาบาล การควบคุมโรค เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับคนภูเก็ตสูงสุด
นอกจากนี้ ทางนายแพทย์สาธารณสุขยังได้รายสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในภูเก็ต ว่า ภูเก็ตไม่พบผู้ติดเชื้อเป็นเวลา 94 วัน นับจากวันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมา และขณะนี้คนไทยที่ทำงานอยู่ในเรือต่างๆ ได้เดินทางกลับบ้านและขึ้นที่ท่าเรือในภูเก็ตแล้ว จำนวน 362 คน ตรวจไม่พบกันติดเชื้อทั้งหมด ขณะนี้ยังกักตัวอยู่ที่ภูเก็ตอีก 37 คน และมีโรงแรมในภูเก็ตที่สมัครเป็น ALSQ แล้ว 62 แห่ง รวมห้องพัก 6 พันกว่าห้อง แต่ที่ผ่านและได้รับการรองและประกาศออกมาแล้ว 2 แห่ง ที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการประเมินผลของคณะกรรมการของจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรอบและแนวทางการรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างที่ทางจังหวัดภูเก็ตกำลังทำความเข้าใจกับทุกองค์กรและประชาชนชาวภูเก็ต เพื่อให้ทุกคนเกิดความมั่นใจถึงความปลอดภัยและมั่นใจว่าเมื่อเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามมา ตามหลัก 5T และค่อยเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ไม่ได้เปิดรับเข้าจำนวนมากเหมือนก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาด เพราะขณะนี้ประชาชนชาวภูเก็ตมีทั้งที่เห็นด้วยในการเปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว และกลุ่มที่ยังมีความกังวลถึงการแพร่ระบาดรอบ 2 หากให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
