xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำพุทธสุดโต่ง “อัยย์ เพชรทอง” ไม่มาตามนัด หลังถูกศาลนราฯ ออกหมายเรียกไต่สวน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นราธิวาส - แกนนำพุทธสุดโต่ง “อัยย์ เพชรทอง” อดีตลูกศิษย์ลัทธิจานบินไม่มาตามนัด หลังถูกศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายเรียกตัวไต่สวนในข้อหาหมิ่นประมาท ก่อนยื่นขอเลื่อนนัดไต่สวนอีกครั้ง 28 ก.ย.63

วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 ในฐานะทนายความ ที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นโจทก์ฟ้อง นายอัยย์ เพชรทอง เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดนราธิวาส ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยบรรยากาศรอบบริเวณศาล ได้มีตัวแทนชาวบ้านที่นับถือศาสนาอิสลามเกือบ 100 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา ปัตตานี และ จ.นราธิวาส ได้เข้ามารออยู่บริเวณหน้าศาลจังหวัดนราธิวาส

ซึ่งชาวบ้านกล่าวว่าทุกคนใจจดใจจ่อ และต่างรีรอเพื่อจะขอดูหน้า นายอัยย์ เพชรทอง คนที่เรียกตัวเองว่าเลขาองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ แกนนำ (อปพส.) ที่ชอบสร้างคลิปที่ปราศจากความจริง และความเข้าใจในศาสนาอิสลามให้คนในประเทศเกลียดชังศาสนาอิสลาม ออกทางสื่อโซเชียลมาหลายปี หลายคลิป หลายตอน พฤติกรรมเป็นแกนนำกลุ่มพุทธสุดโต่งที่ปลุกระดมมวลชน ปราศรัยปลุกปั่นด้วยข้อมูลเท็จ มุ่งสร้างความเกลียดชัง และความขัดแย้งทางศาสนา ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องการเรียกร้องความรัก ความสามัคคี ไม่สร้างความแตกแยกของคนในชาติ

โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย นายอัยย์ ที่ตกเป็นจำเลยไม่ได้มาตามนัดหมายแต่อย่างใด หรือตามที่เคยอวดอ้างผ่านคลิปที่ลงไปทางสื่อโซเชียลว่าจะไปตามนัดหมายอย่างแน่นอน แต่ได้ให้ทนายฝ่ายจำเลยดำเนินการเพื่อขออำนาจศาล โดยได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาส กรณีคดีศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ในเวลา 09.00 น. ดังความแจ้งในสำนวนนั้น ทนายจำเลยขอประทานกราบเรียนขออภัยต่อศาล เนื่องจากทนายจำเลยเพิ่งได้รับการติดต่อทนายความให้แก่จำเลย ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดีที่เกิดขึ้น และยังไม่ได้รับเอกสาร จากตัวจำเลยทั้งหมดอย่างสมบูรณ์

ประกอบกับวันนี้ ทนายจำเลยจำเป็นที่จะต้องซักซ้อมพยานที่จะเดินทางมาจาก จ.อุดรธานี และทนายจำเลย มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร มีการนัดล่วงทำคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ศาลพัทยาในคดีแพ่งแล้ว อีกทั้งคดีที่จำเลยที่ศาลจังหวัดนราธิวาส เป็นคดีสำคัญที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางศาสนา และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้น ทนายจำเลยจึงขอประทานอนุญาตในการขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไปก่อน


นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 ในฐานะทนายความ ที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นโจทก์ฟ้อง นายอัยย์ เพชรทอง เป็นจำเลย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จำเลยนายอัยย์ ได้โพสต์กล่าวร้ายต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ บุคคลซึ่งเป็นที่เคารพรักของพี่น้องมุสลิมไทยทั่วประเทศว่า “เป็นกบฏ โจรแขกมลายู” และโพสต์กล่าวร้ายอีกจำนวนมาก ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ไม่ได้โกรธเคือง และถือสาใดๆ แต่การกล่าวร้ายลักษณะนี้ ทำให้พี่น้องมุสลิมไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงขอร้องให้ดำเนินคดี จึงเป็นโจทก์ฟ้อง นายอัยย์ ข้อหาหมิ่นประมาทต่อศาลจังหวัดนราธิวาส และทนายจำเลยได้ทำหนังสือเอกสาร ยื่นการขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันถัดไป คือวันที่ 28 กันยายน 2563 ศาลจังหวัดนราธิวาส อนุญาตตามที่ทนายจำเลยขอมา อย่างไรก็ตาม ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้กำชับทนายจำเลย และทนายโจทก์ ในวันที่ 28 กันยายน 2563 ทุกฝ่ายต้องพร้อมสู่กระบวนการไต่สวนในกระบวนการยุติธรรม

นายกมลศักดิ์ ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นายอัยย์ แกนนำ อพปส. ถ้าเห็นจากคลิปหลังจากได้หมายเรียกจากศาลจังหวัดนราธิวาส นายอัยย์ ได้มีการออกคลิป และแถลงในสื่อโซเชียลต่อเนื่อง และยืนยันอย่างกล้าหาญจะไม่มีวันไม่มาตามที่นัดหมายเด็ดขาด แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีตัวหรือเงาของนายอัยย์ แกนนำอย่างที่ประกาศก่อนหน้าแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านที่ต่างเดินทางมาจากทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างรู้สึกเสียใจเพราะอยากเห็นหน้านายอัยย์ ที่ชอบทำคลิปหลายเรื่องหลายตอนลงสื่อโซเชียล ในทำนองโจมตีศาสนาอิสลาม ถือว่าผิดคาด ชาวบ้านผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินคดีนอกจากศาลจังหวัดนราธิวาสแล้ว ทางทีมงานทนายโจทก์ได้ดำเนินคดีฟ้องจำเลยคนเดียวกันที่ศาลจังหวัดยะลา และนัดหมายไตส่วนทำนองคดีเดียวกันในวันที่ 31 สิงหาคม 2563


สำหรับ นายอัยย์ เพชรทอง เป็นคนที่มีแนวคิดค่อนข้างสุดโต่ง เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง โดยตั้งกลุ่มองค์กรที่ชื่อว่า “อปพส.” แอบอ้างว่าทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา แต่ทางปฏิบัตินั้นไม่เป็นไปตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องชาวพุทธ กลับกันยังถูกต่อต้านจากพี่น้องชาวพุทธกันเองด้วย

ทั้งนี้ พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนอันดีว่าไม่ให้เบียดเบียนผู้ใด แต่การเคลื่อนไหวของนายอัยย์ นั้นเบียดเบียนผู้อื่น ปลุกปั่นข้อมูลเท็จให้มวลชนเกลียดชังกัน สร้างความขัดแย้งให้มวลชนในสังคมเกิดความแตกแยกกันในที่สุด เขาจึงได้เคลื่อนไหวให้พี่น้องประชาชนต่อต้านการสร้างมัสยิด โพสต์ และปราศรัยจาบจ้วงเอกองค์อัลเลาะห์ (ซ.บ.) พระผู้เป็นเจ้า เช่น การปราศรัยว่า “อัลเลาะห์ คือซาตาน คือฆาตกร” เขามีพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาที่ตนนับถือ ต่อต้านไม่ให้ซื้อสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ฮาลาล ต่อต้านกฎหมายที่สร้างความเสมอภาคกันในสังคม โดยมุ่งใช้ข้อมูลเท็จปลุกปั่น สร้างความขัดแย้งด้านศาสนา เพราะศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จุดติดความขัดแย้งได้ง่าย แต่ด้วยความรู้เท่าทันของพี่น้องชาวพุทธ จึงไม่มีใครให้การสนับสนุน และด้วยความเข้าใจของพี่น้องมุสลิม รู้ว่าเขาเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี จึงไม่มีใครตอบโต้เขา

นายอัยย์ เพชรทอง เป็นลูกศิษย์ของธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาหนีคดีฟอกเงิน เคยถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ควบคุมตัวฐานยุยงปลุกปั่น กรณีเคลื่อนไหวต่อต้านเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวัดพระธรรมกาย ถูก DSI ควบคุมตัวฐานก่อความวุ่นวาย และถูก คสช.ใช้มาตรา 44 ควบคุมตัวฐานยุยงปลุกปั่น

นายอัยย์ มักจะเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมือง จนวัดพระธรรมกายเคยชี้แจงว่า ทางวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอัยย์ และองค์กร อปพส. การดำเนินการใดๆ ของนายอัยย์ เพชรทอง และองค์กร อปพส. ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ตัวแทนวัด และไม่ใช่ตัวแทนศิษย์แต่อย่างใด รวมทั้งทางวัดไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการแสดงทัศนคติด้านอื่นๆ ทุกประการ


กำลังโหลดความคิดเห็น