xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสิเกาลุกฮือประท้วงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ชี้ปล่อยมลพิษทำสภาพแวดล้อมย่ำแย่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - ชาวบ้าน ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ลุกฮือประท้วงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปล่อยมลพิษ ทั้งน้ำเสียลงลำคลอง ฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนมายาวนาน ทำให้เจ็บป่วยและสภาพแวดล้อมย่ำแย่

วันนี้ (24 ส.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มรายใหญ่ คือ บริษัท โอทาโก้ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ได้มีชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 1, 2, 3, 5, 8 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง รวมประมาณ 100 คน นำโดย นายสงวน อั้นเต้ง สมาชิกสภา อบจ.ตรัง เขต อ.สิเกา และนายยงยุทธ ตี้ฮ้อ กำนันตำบลกะลาเส รวมตัวกันประท้วงหน้าโรงงาน โดยเรียกร้องให้บริษัทดังกล่าวซึ่งประกอบกิจการเป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากทะลายปาล์มน้ำมัน ดำเนินการแก้ปัญหามลพิษ ทั้งน้ำเสีย กลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และควันพิษที่เกิดขึ้นจากการผลิต

ทั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบทำให้ชาวบ้านนับ 1,000 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่พื้นที่โดยรอบบริเวณโรงงาน โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา รวมทั้งคนวัยทำงาน ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมา ทั้งโรคทางเดินระบบหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ และผื่นคัน จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด ซึ่งตั้งแต่ก่อสร้างโรงงานและเปิดดำเนินกิจการมาได้สร้างปัญหาด้านมลพิษแก่ชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งน้ำเสียลงสู่ลำคลองทำให้ปลาตาย และกระทบระบบน้ำประปาหมู่บ้าน ปัญหาฝุ่นละออง กลิ่นเหม็น และควันพิษ โดยมักเกิดขึ้นประจำทุก 2-3 ปี และชาวบ้านก็ได้รวมตัวกันประท้วงทุก 2-3 ปีเช่นกัน แต่ไม่เป็นผลไม่มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง


และล่าสุด ในวันนี้ที่ชาวบ้านได้ลุกฮือรวมตัวกันประท้วงอีกครั้ง เนื่องจากตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน มีการปล่อยกลุ่มควันพิษสีดำและสีเทาดำ ซึ่งเกิดจากการสกัดน้ำมันปาล์มและเผาทะลายปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง เกิดอาการคัน จนเกิดแผลพุพอง ตาบวม ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตลอดเวลา บางรายอาการโรคหอบหืดกำเริบรุนแรง ต้องเข้าห้องไอซียู

ทั้งนี้ ชาวบ้านได้นำภาพถ่ายและเปิดภาพบาดแผลอาการผดผื่นที่หมอยืนยันว่าเกิดจากมลพิษให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย ที่สำคัญพบว่าในวันนี้และก่อนหน้านี้อีกอีก 2 วัน รวมเป็นเวลา 3 วันแล้ว ที่ทางโรงงานหยุดเดินเครื่องสกัดน้ำมันปาล์มและหยุดผลิตกระแสไฟฟ้า หลังทราบข่าวชาวบ้านจะรวมตัวกันประท้วงในวันนี้

นอกจากนั้นขณะที่ชาวบ้านไปรวมกันอยู่หน้าโรงงาน ได้มี นายสุวิทย์ ดรุกานนท์ เจ้าของบริษัท โอทาโก้ ได้ออกมาพบปะกับชาวบ้าน แต่ยืนยันว่าโรงงานของตัวเองไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านอย่างแน่นอน และท้าให้ชาวบ้านเข้าไปพิสูจน์ภายในโรงงาน ทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และควันพิษ และพูดท้าทายชาวบ้านจะไม่ยอมให้ดูใบอนุญาตประกอบกิจการ และไม่ให้ดูผลการตรวจสอบคุณภาพโรงงานก่อนหน้านี้ สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เดินทางไปรับทราบปัญหาข้อร้องเรียนของชาวบ้านด้วย


ท้ายที่สุดได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน โดยให้ทางโรงงานเร่งแก้ไขปรับปรุงปัญหาด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับควันดำให้แล้วเสร็จ และในเดือนกันยายนนี้ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคใต้ (สงขลา) เข้ามาตรวจสอบ โดยมีตัวแทนชาวบ้านจำนวน 10 คน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส.จ. และตำรวจ ร่วมเข้าตรวจสอบด้วย หากพบไม่ได้มาตรฐาน ก็จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อไป ทำให้ชาวบ้านพอใจจึงยอมสลายตัว

นายยงยุทธ ตี้ฮ้อ กำนันตำบลกะลาเส กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวได้สร้างปัญหาด้านมลพิษให้แก่ชาวบ้าน และชาวบ้านได้รวมตัวกันประท้วงมาอย่างต่อเนื่อง เช่น พ.ศ.2540 ร้องเรียนเรื่องน้ำเสียจากโรงงาน และ พ.ศ.2557 ร้องเรียนเรื่องควันดำ ซึ่งเมื่อชาวบ้านร้องเรียนแต่ละครั้ง ทางโรงงานจะหยุดการผลิตเป็นบางช่วง และรับปากจะแก้ปัญหาทุกครั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปปัญหามลพิษกลับมาสร้างผลกระทบให้ชาวบ้านเช่นเดิม ซึ่งตนคิดว่าทางโรงงานไม่จริงจังในการแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน จึงเรียกร้องให้โรงงานเร่งปรับปรุงแก้ไข และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมาโดยตลอด

ด้าน นายสงวน อั้นเต้ง ส.อบจ.ตรัง กล่าวว่า เมื่อโรงงานมาประกอบกิจการในชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งตองรับผิดชอบต่อสังคม เมื่อสังคมได้รับผลกระทบ โรงงานต้องรีบแก้ปัญหา ที่ผ่านมา มีตัวแทนจากบริษัท โอทาโก้ ไปพบที่บ้านด้วยท่าทีที่ไม่ดี มีการพูดจาข่มขู่ และดูถูกดูแคลนชาวบ้าน ในขณะเดียวกันเสนอแนะให้โรงงานปรับเปลี่ยนเครื่องจักร และเทคโนโลยีการผลิตให้มีคุณภาพสูง เพื่อลดควันดำและมลพิษจากโรงงาน


ในขณะที่ นายธีระยุทธ อั้นเต้ง อายุ 36 ปี ชาวบ้าน ได้เปิดรูปลูกสาวอายุ 3 ขวบครึ่ง จากโทรศัพท์มือถือให้ผู้สื่อข่าวได้ดูอาการผื่นคันบริเวณใต้ตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีลักษณะบวมคล้ายแมลงกัดต่อย โดยแพทย์ รพ.ห้วยยอด ให้การวินิจฉัยว่าเกิดจากมลพิษ ซึ่งในแต่ละเดือนต้องพาลูกสาวไปพบแพทย์ เดือนละ 2-3 ครั้ง หรือต้องไปพบแพทย์เมื่อกินยาจนหมด เพราะต้องรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าร่างกายของลูกสาวจะสร้างภูมิต้านทานได้ ซึ่งต้องเสียค่ารักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับชาวบ้านบางรายได้เปิดบาดแผลบริเวณใต้ตา ซึ่งเกิดจากอาการผื่นจนพุพองให้ดู และแพทย์ยืนยันเกิดจากมลพิษเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โรงงานดังกล่าวมันจะปล่อยกลุ่มควันพิษลอยขึ้นสู่อากาศในเวลากลางคืนมากกว่าช่วงกลางวัน ซึ่งสังเกตกลุ่มควันได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล และชาวบ้านจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน อาการผื่นคัน ไอ จาม ตามมาตลอดเวลา


กำลังโหลดความคิดเห็น