ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ญาติ “น้องมิ้น” วอนเพื่อนๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกความจริง เพื่อจะได้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะแต่ละคนพูดไม่ตรงกันเรื่องสถานที่วิ่ง ยันน้องสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคหอบหืดหรือโรคหัวใจ
วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณบ้านของ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือน้องมิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่เสียชีวิตหลังเกิดอาการช็อกหมดสติระหว่างการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา และถูกส่งเข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ได้มีบรรดาญาติพี่น้องซึ่งมีบ้านเรือนอยู่บริเวณใกล้เคียงมานั่งพูดคุยและร่วมให้กำลังใจแก่ครอบครัวของน้องมิ้น โดยทุกคนยังคงเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอให้เพื่อนๆ หรือรุ่นพี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้บอกความจริงกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่าเกิดอะไรขึ้นในวันดังกล่าว
โดย น.ส.วิลาวัลย์ เอียดดำ ลูกพี่ลูกน้องของ “น้องมิ้น” กล่าวว่า หลังจากน้องมิ้น เสียชีวิต ยังไม่มีเพื่อนคนไหนติดต่อกลับมา และยังไม่มีใครให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสียชีวิต ตลอดจนเหตุการณ์ในวันที่มีการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ว่าเป็นอย่างไร โดยในช่วงที่น้องอยู่ห้องไอซียูนั้นได้มีเพื่อนบางกลุ่มและรุ่นพี่ไปเยี่ยมน้องมิ้น ซึ่งจากที่ได้สอบถามเพื่อนและรุ่นพี่ ให้คำตอบเหมือนกันหมดว่า น้องเป็นลม ซึ่งมีความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เพราะน้องมิ้น เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง และจากการพูดคุยข้อมูลกับคุณหมอบอกว่า ร่างกายของน้องแข็งแรงสมบูรณ์ แต่จะต้องตรวจหารายละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
น้องมิ้น ไม่ได้เป็นโรคหอบ หรือโรคหัวใจ ไม่มีประวัติการเข้ารักษาที่โรงพยาบาล จึงอยากจะฝากไปถึงรุ่นพี่และเพื่อนๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือร่วมชั้นเรียนกับน้องและสนิทกับน้องให้ออกมาบอกข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าไม่มีการเปิดเผยชื่อหรือตัวตนอย่างแน่นอน เพราะเราแค่ต้องการข้อมูลที่แท้จริง และอยากจะทราบถึงสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องบ้าง เพราะน้องบางกลุ่มบอกว่า น้องวิ่งที่ลานจอดรถ บางกลุ่มบอกว่าวิ่งข้างขุมเหมือง และบางกลุ่มบอกว่าวิ่งรอบขุมเหมือง ซึ่งทางครอบครัวจะได้พิจารณาไตร่ตรองว่ามีความเป็นไปได้กี่เปอร์เซ็นต์และอันไหนเป็นเรื่องจริง ซึ่งจะพูดไปเลยไม่ได้ ต้องรอข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงจะพูดได้ว่าน้องวิ่งตรงไหน” น.ส.วิลาวัลย์ กล่าวและว่า
ที่ออกมาเรียกร้องเพียงแค่อยากรู้ความจริงและให้ความเป็นธรรมต่อน้องที่เสียชีวิต ไม่ได้ต้องการให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหาย หรือเสื่อมเสียชื่อเสียง อยากรู้เพียงแค่น้องเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร แต่อยากขอฝากว่า เมื่อคุณทำแล้วคุณต้องออกมายอมรับออกมาขอโทษกับครอบครัวของน้องกับสิ่งที่คุณได้ทำลงไปไม่ต้องกลัวว่าทางเราจะคิดร้ายหรือทำร้ายร่างกาย เพราะประเทศไทยก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว