xs
xsm
sm
md
lg

แม่ “น้องมิ้น” เพ้อหาลูก ปัดรับเงิน 1 แสนราชภัฏภูเก็ตนำมาให้ถึงบ้าน ย้ำต้องเคลียร์สาเหตุการตายก่อน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์





ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พ่อแม่ “น้องมิ้น” ยังทำใจไม่ได้เพ้อถึงลูกตลอดเวลา ยังไม่รับเงินช่วยเหลือ 1 แสนบาท จากมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตที่นำไปมอบให้ถึงบ้าน จนกว่าเรื่องการเสียชีวิตจะมีความชัดเจน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตรุดให้กำลังใจ

จากกรณีเกิดเหตุการณ์ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือน้องมิ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งถูกรุ่นพี่สั่งให้วิ่งบริเวณลานจอดรถของมหาวิทยาลัย จนเกิดอาการช็อกก่อนเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์นำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การช่วยเหลือ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 20 ส.ค.

โดยในส่วนของพ่อและแม่ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียลูกไปอย่างกะทันหันไม่ได้ ยังเพ้อเรียกชื่อลูกสาวตลอดเวลา ในขณะที่น้องสาว ตลอดจนญาติๆ ต่างยังอยู่ในอาการเศร้าโศก นอกจากนี้ ทางด้าน ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต พร้อมด้วย ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดีฝ่ายกิจกรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาพบกับพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต เพื่อมอบเงินเยียวยาเบื้องต้นจำนวน 100,000 บาท แต่ทางครอบครัวได้ปฏิเสธ และยังไม่ขอรับเงินดังกล่าวก่อน โดยขอให้ทราบผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนของน้องก่อนว่าเป็นอย่างไร

ล่าสุด นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปพบกับพ่อแม่และญาติของ “น้องมิ้น” เพื่อพูดคุยและให้กำลังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า ได้เดินทางมาพบกับญาติผู้เสียชีวิตเพื่อให้กำลังใจ โดยเฉพาะพ่อกับแม่ซึ่งอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก และทั้งสองยังอยู่ในอาการช็อก สิ่งที่ทุกคนจะต้องช่วยกัน คือ จะต้องดูแลคุณแม่ ซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก

ขณะที่คุณพ่อก็มีโรคประจำตัว เป็นความดัน และยังต้องดูแลลูกคนเล็กอีก 1 คน ซึ่งทางจังหวัดจะเข้ามาช่วยดูแลตรงนี้เป็นอันดับแรก ส่วนในเรื่องของคดีได้มีการแจ้งความไว้แล้ว ต้องรอพิสูจน์กันในข้อเท็จจริง ขณะเดียวกัน ทางญาติก็รอผลชันสูตรจากแพทย์เช่นกัน

ทั้งนี้ ทางจังหวัดก็พูดคุยกับทางอธิการบดี ซึ่งเป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งรู้สึกเศร้าใจเพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น ในส่วนของตน และคนในภูเก็ตอยากจะให้กรณีนี้เป็นกรณีสุดท้าย เพราะการสูญเสียถ้าไม่เกิดขึ้นกับใครก็ไม่มีทางรู้ ตนจึงมาแสดงความเสียใจ

และได้กำชับไปทางมหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่างๆ ว่าการทำกิจกรรมต่างๆ ต้องอยู่ในกรอบที่เหมาะที่ควร เพราะผลที่เกิดขึ้นมานั้นอาจจะเกิดขึ้นจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือประมาทพลาดพลั้งไป แต่เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วความเสียหายมันเยอะ โดยเฉพาะความเสียหายทางด้านจิตใจสำหรับครอบครัวหรือญาติผู้สูญเสีย จึงคิดว่าต้องช่วยกันดูแลต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น