ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มหาวิยาลัยราชภัฏภูเก็ตแถลงข่าวชี้แจงกรณีนักศึกษาช็อกเสียชีวิตจากรุ่นพี่สั่งให้วิ่งรอบขุมน้ำ เกิดจากการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์กีฬาสีของคณะไม่ใช่รับน้อง ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผิดลงโทษทางวินัย พร้อมเยียวยาครอบครัว 1 แสนบาท
จากกรณีที่รุ่นพี่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้สั่งให้ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือมิ้น นักศึกษาปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต วิ่งรอบขุมน้ำภายในมหาวิทยาลัย จำนวน 8 รอบ เพื่อลงโทษที่มาซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ช้า จนเป็นเหตุให้ น.ส.พรพิพัฒน์ ช็อก และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (21 ส.ค.) มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต โดย ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดี ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา นายธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณะบดีคณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ พร้อมด้วยผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ลานตึกเฉลิมพระเกียรติ (ตึกม่วง) มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ขอแสดงความเสียใจอย่างสูงต่อครอบครัวของ น.ส.พรพิพัฒน์ เอียดดำ หลังเกิดเหตุการณ์ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเบื้องต้น จะให้ความช่วยเหลือเยียวยาเป็นเงิน จำนวน 1 แสนบาท และได้ติดต่อประสานกับทางครอบครัวของนักศึกษาแล้ว และทางมหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบไปด้วยทีมผู้บริหาร และนิติการ ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด และหากตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป
นายธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตนั้น ในเบื้องต้นเท่าที่รับทราบข้อมูลจากแม่ของผู้เสียชีวิต ที่ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ และผู้ควบคุมการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ในเบื้องต้นทราบว่าเกิดจากการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์และเกิดอาการวูบและนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ส่วนที่ระบุว่าถูกรุ่นพี่สั่งให้วิ่งรอบขุมน้ำจนเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตนั้น จะต้องรอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่ทางมหาวิทยาลัยตั้งขึ้นมาก่อน และรอผลจากการชันสูตรของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
ด้าน ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา กล่าวว่า การเสียชีวิตของนักศึกษารายดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากการทำกิจกรรมรับน้องแต่อย่างใด แต่เป็นกิจกรรมการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่จะแข่งขันกันในกีฬาสีของคณะเท่านั้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักศึกษาให้ความสนใจมากและตั้งใจซ้อมกันเป็นอย่างมากเพื่อให้ได้ชัยชนะ ส่วนกิจกรรมการรับน้องนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศให้งดกิจกรรมรับน้องไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังเกิดเหตุการณ์ทางฝ่ายบริหารได้พูดคุยกับทางคณบดี อาจารย์ และรุ่นพี่ที่ควบคุมการฝึกซ้อม ซึ่งรุ่นพี่ก็ตกใจและเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนใครต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยจะต้องเข้าไปดูแลตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ทางมหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
