สุราษฎร์ธานี - ทำไมต้องขนขยะออกจากเกาะสมุย แล้วขนไปที่ไหนทำอะไร ถึงเวลาเปิดเส้นทางขยะออกจากเกาะสมุยแล้วไปไหน หลังเกิดเหตุเรือเฟอร์รี่บรรทุกขยะ 90 ตัน ล่มกลางทะเล
หลังเกิดเหตุเรือราชาเฟอร์รี่ 4 ซึ่งเป็นเรือเช่าเหมาลำเพื่อขนขยะ จำนวน 90 ตัน พร้อมรถบรรทุก จำนวน 3 คัน ออกจากเกาะสมุยเพื่อเดินทางไปยังท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะนำขยะทั้งหมดไปยังจุดหมายปลายทาง คือ อ.บ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี แต่ระหว่างเดินทางออกจากเกาะสมุยไปได้เพียง 5 ไมล์ทะเล เรือลำดังกล่าวถูกคลื่นซัดและอับปางลงทะเลในบริเวณเกาะสี่และเกาะห้า พร้อมด้วยจำนวนขยะทั้ง 90 ตัน และลูกเรือ ผู้โดยสาร จำนวน 16 คน ซึ่งมีผู้รอดชีวิต จำนวน 9 คน เสียชีวิต 3 คน และสูญหายอีก 2 คน นอกจากนั้น ยังพบมีขยะบางส่วนที่หลุดออกจากรถบรรทุกลอยไปติดตามเกาะแก่งต่างๆ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทำไมต้องขนขยะออกจากเกาะสมุย เป็นที่ทราบกันดีว่า ก่อนหน้านี้มีเกาะสมุยประสบปัญหาเรื่องของขยะล้นเมือง เนื่องจากพื้นที่โรงกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลนครเกาะสมุย ในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย ซึ่งมีพื้นที่ 37 ไร่ ไม่สามารถรองรับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นทุกวัน รวมทั้งปัญหาขยะเก่าที่ตกค้างอยู่ประมาณ 300,000 ตัน ขณะที่ขยะใหม่ที่พนักงานเทศบาลได้ออกทำการเก็บมาจากต้นทางในชุมชนตามบ้านเรือประชาชนทั้งเกาะ ตกวันละกว่า 100 ตันต่อวัน ทำให้พื้นที่โรงกำจัดขยะไม่สามารถรองรับขยะได้แล้ว ประกอบกับเตาเผาขยะไม่สามารถใช้งานมาได้นานนับ 10 ปี จำเป็นที่จะต้องนำขยะออกจากเกาะเพื่อนำไปกำจัดที่อื่น
ที่ผ่านมา ทางเทศบาลนครเกาะสมุยได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนในการขนย้ายขยะออกจากเกาะ ซึ่งในช่วงปี 2561-2563 เทศบาลนครเกาะสมุย ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนขนขยะ จำนวน 2 สัญญา โดยสัญญาแรก ทำขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 เพื่อให้ขนย้ายขยะไปกำจัดนอกเกาะสมุย จำนวน 240,000 ตัน เป็นเงินงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตันละกว่า 1,300 บาท จากนั้นได้ทำสัญญาอีกฉบับ ลงวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขนย้ายขยะค้างเก่าจำนวนไม่น้อยกว่า 100,000 ตัน ในวงเงินกว่า 153 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตันละกว่า 1,500 บาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุธรรม สามทอง รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย กล่าวว่า ปัจจุบันทางเทศบาลจะต้องกำจัดขยะที่เกิดขึ้น 2 ชนิดคือ ขยะเก่าก็คือขยะที่ตกค้างมานาน มีจำนวน 300,000 ตัน ที่ทางเทศบาลนครเกาะสมุย ได้ใช้ผ้ายางสีดำคลุมเอาไว้ และขยะใหม่ก็คือขยะที่นำออกมาจากชุมชนทุกวัน วันละประมาณ 80 ตัน ทางเทศบาลจึงได้ว่าจ้างให้บริษัทรับกำจัดขยะของบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการ ทำการบีบอัดก้อนขยะ ก้อนละ 900-1,000 กิโลกรัม เพื่อนำออกจากเกาะสมุยไปกำจัดที่ในพื้นที่เทศบาลตำบลบ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี
รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย ยังเปิดเผยอีกว่า ในสัญญาแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ การบริหารจัดการขยะใหม่ที่เข้ามายังโรงกำจัดขยะทุกวัน และขยะที่ตกค้างอยู่ โดยใช้งบประมาณของท้องถิ่นได้แค่จำนวน 100,000 ตัน เนื่องจากเทศบาลนครเกาะสมุย มีฐานะทางการคลังอย่างจำกัด เบื้องต้น คู่สัญญาได้เสนอแผนสัญญาในการขนขยะออกจากเกาะ โดยใช้บริการของบริษัทเรือราชาเฟอร์รี่ ในการลำเลียงขนส่ง เนื่องจากทางบริษัทกำจัดขยะมีเหตุผล คือ สัญญาที่การบริหารจัดการขยะที่ตกค้างจะต้องเร่งดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด 600 วัน ซึ่งต้องระบายขยะออกไปให้ได้วันละ 150 ตันต่อวัน ดังนั้นขยะที่ขนออกไปได้มีการบีบอัดเป็นก้อนและซีลด้วยถุงพลาสติกหลายชั้น
ซึ่งทางบริษัทรับเหมากำจัดขยะมองว่าหากนำขยะเก่าไปลงเรือในจุดเดียวกับที่นำขยะใหม่ออกไปนั้นจะทำให้ระบบขนส่งลำบากเที่ยวเรืออาจจะไม่พอ ทางบริษัทรับเหมากำจัดขยะจึงได้เสนอมาทางเทศบาลนครเกาะสมุย เพื่อเสนอทางเลือกใหม่ให้ใช้บริการของเรือราชาเฟอร์รี่ อีกหนึ่งช่องทาง เพื่อระบายขยะให้ทันกับเวลา 600 วัน ที่มีระยะวันเวลากำหนด หรือภายในประมาณ 20 เดือน
นายสุธรรม กล่าวต่ออีกว่า การขนขยะเก่าเพื่อระบายออกที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ถือว่าเป็นการขนขยะออกจากเกาะเที่ยวแรก ซึ่งเป็นเที่ยวทดลองในการใช้รถบรรทุกพ่วงบรรทุกขยะลงเรือราชาเฟอร์รี่ ซึ่งขยะที่ขนไปกับรถบรรทุกพ่วงเที่ยวนี้มี จำนวน 90 ตัน เพราะว่าทางเทศบาลนครเกาะสมุย ได้ทำการชั่งน้ำหนักรถบรรทุกและขยะเอาไว้ เนื่องจากในเวลาการจัดการเบิกจ่ายต้องเบิกจ่ายตามน้ำหนักขยะที่ชั่งเอาไว้ ซึ่งตรงนี้ ทางเทศบาลมีเอกสารหลักฐานการชั่งน้ำหนักเอาไว้ ใช้ตามข้อกำหนดในสัญญาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดอุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ล่ม ทางเทศบาลนครเกาะสมุยได้สั่งการให้บริษัทหยุดดำเนินการขนขยะออกจากเกาะสมุยออกไปก่อนเป็นเวลา 15 วัน เพื่อบริษัทปรับเปลี่ยวแผนในการลำเลียงขยะให้ปลอดภัยมากขึ้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และจะต้องส่งแผนให้คณะกรรมการของทางเทศบาลพิจารณาตรวจการจัดจ้างก่อน รวมทั้งขยะใหม่และขยะเก่า
สำหรับเส้นทางการขนขยะออกจากเกาะสมุยนั้นเริ่งจากมีการทำสัญญาว่าจ้างระหว่างเทศบาลนครเกาะสมุยได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน 2 สัญญา คือปี 2561 และปี 2563 หลังจากทำสัญญาก็ได้มีการเข้ามาจัดการบีบอัดขยะเก่าให้เป็นแท่งและซีลก้อนขยะด้วยพลาสติกเพื่อป้องกันขยะหลุดระหว่างการขนส่ง ต่อมาได้ขนขยะขึ้นรถบรรทุกคันละประมาณ 30 ตัน ก่อนขนออกจากโรงงานกำจัดขยะบนเกาะสมุยเพื่อไปลงเรือเฟอร์รี่ โดยมีจุดหมายต่อไปที่ท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ถ้าขยะไปถึงจุดหมาย คนขับรถบรรทุกก็จะขนขยะไปยังพื้นที่ อ.บ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อนำขยะไปยังบ่อฝังกลบที่ทางบริษัทเอกชนจัดหาพื้นที่ไว้แล้วเพื่อฝังกลบขยะทั้งหมด เพื่อรอกำจัด
รายงานข่าวแจ้งว่า เครือบริษัทดังกล่าวได้เข้าไปเช่าที่ดินตั้งแต่เดือน ก.ย.2558 เกือบ 150 ไร่ ในเขตพื้นที่เทศบาล ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเดินหน้าระบบฝังกลบขยะ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการสร้างงานโรงไฟฟ้าขยะให้เกิดขึ้นในอนาคต